ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.85-34.25 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 34.07 ต่อดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยและตลาดพันธบัตรรวมทุกช่วงอายุด้วยมูลค่า 1.3 พันล้านบาท และ 1.05 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นการขายพันธบัตรช่วงอายุไม่เกิน 1 ปี

ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี กล่าวว่า การประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเป็นปัจจัยชี้นำตลาดการเงินในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีผลต่อค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลก รวมถึงการเคลื่อนย้ายของกระแสเงินทุน โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 14 มิ.ย. ขณะที่นักลงทุนจะให้ความสนใจกับมุมมองของเฟดต่อภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในสหรัฐ รวมถึงสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยและการลดขนาดงบดุลของเฟด ซึ่งยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มาก ในกรณีที่เฟดไม่ส่งสัญญาณหนักแน่นมากพอว่า จะยังคงใช้แนวทางการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี ดอลลาร์มีโอกาสที่จะอ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังไว้ค่อนข้างสูงสำหรับแรงจูงใจที่จะเข้าซื้อดอลลาร์ต่อเนื่อง อย่างเช่นข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง สัญญาณการคุมเข้มนโยบายการเงินจากเฟด และความสำเร็จในการผลักดันมาตรการด้านการคลังจากรัฐบาลทรัมป์

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์มองว่า สถานการณ์การเมืองอังกฤษเป็นอีกปัจจัยที่ต้องจับตามอง ค่าเงินปอนด์อังกฤษร่วงลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังผลการเลือกตั้งพลิกความคาดหมาย โดยพรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีอังกฤษไม่ได้เสียงข้างมากในสภาซึ่งทำให้อังกฤษจำเป็นต้องจัดตั้งรัฐบาลผสม และอาจส่งผลกระทบต่อการเจรจาถอนตัวออกจากอียู (Brexit) ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มขึ้นในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ ให้ล่าช้าออกไปหากอังกฤษยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยหลายฝ่ายกำลังเฝ้าจับตาว่ารัฐบาลใหม่ของอังกฤษจะปรับเปลี่ยนจุดยืนเรื่อง Brexit เพื่อทำข้อตกลงลักษณะแข็งกร้าวหรือจะประนีประนอมกับอียูมากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน