น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้แรงบวกจากกรณีความกังวลสถานการณ์การเมืองสหรัฐลดลงหลังคำให้การของนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์

รวมทั้งความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคม โดยรถไฟไทย-จีน มีแนวโน้มจะใช้ ม.44 แก้ปัญหาความล่าช้า รถไฟ 3 เส้นทางคาดจะเสนอให้ครม. พิจารณาในอีก 2 เดือน ส่วนโครงการรถไฟฟ้า 6 สาย คาดจะเสนอครม. อนุมัติ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 ประกอบกับการประกาศรายชื่อหุ้นเข้า SET50 และ SET100 รอบใหม่ในช่วงกลางเดือนมิ.ย. และการทำ Window Dressing ช่วงปลายเดือนมิ.ย.

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นมีปัจจัยกดดันราคาน้ำมันอ่อนตัวลงจากความกังวลภาวะอุปทานล้นตลาด หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้น 8 แท่นสู่ 741 แท่นโดยเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 21 ติดต่อกัน และ Fund Flow ต่างชาติผันผวนจากคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย.

ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อไป ได้แก่ในวันที่ 13-14 มิ.ย. การประชุม FOMC (โพลคาด FED ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.25%) วันที่ 15 มิ.ย. สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ค. และในวันที่ 16 มิ.ย. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงิน และกำหนดประชุมคณะกรรมการโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเพื่อพิจารณากรอบแผนงานและวิธีการคิดในการผลักดันให้อีอีซีบรรลุเป้าหมายที่กำหนดภายในสิ้นปีนี้

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีแรงกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ผันผวนจากคาดการณ์การประชุม FOMC จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.25% รวมถึงราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีแรงซื้อกลุ่มหุ้นที่มีประเด็นข่าวรายตัวช่วยพยุงดัชนีไม่ให้ทรุดตัวลงแรง

ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,550-1,580 จุด โดยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในแบบ Selective Buy ในหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณรอบใหม่ของ SET50 ได้แก่ EA, MTLS, BJC, BPP และ TISCO และ SET100 ได้แก่ BCPG, WORK, ANAN และ GFPT โดยจะประกาศผลราวปลายสัปดาห์นี้

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งอังกฤษเป็นไปตามโพล รัฐบาลใหม่ขาดความเป็นเอกภาพ ตลาดจึงคาดหวังกับ soft Brexit ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้และอีกครั้งในช่วงสิ้นปี ส่วนการปรับลดงบดุลคาดว่าจะค่อยๆ ปรับลดตามสภาวะเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาสถานการณ์ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลและการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการ FOMC บางท่านโดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และไม่ให้ตลาดเงินตลาดทุนเกิดความผันผวน ทำให้เงินดอลลาร์ยังคงถูกกดให้อ่อนค่าต่อไป แม้สกุลยูโรและปอนด์กำลังอ่อนค่าก็ตาม

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าสินทรัพย์เสี่ยงจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังการประชุม FOMC จากความมั่นใจของนักลงทุนที่เห็นทิศทางการดำเนินมาตรการของ Fed มากขึ้น ซึ่งปัจจัยเสริมจะมาจากการที่ BOJ กล่าวเชิงสนับสนุนการขยายตัวของญี่ปุ่นตามค่าดัชนีเศรษฐกิจที่สะท้อนออกมา

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยข้างต้นดังกล่าวทั้งหมดล้วนส่งผลรวมให้ตลาดทองคำชะลอตัวและแกว่งแคบลง ขณะที่การไหลลงของราคาสู่ระดับแนวรับระยะสั้นใกล้ 1,260 ดอลลาร์ เป็นระดับที่น่าเสี่ยง trading long เพื่อเล่นรอบรีบาวด์สั้นๆ สู่แนวต้าน 1,280 ดอลลาร์ (ฝั่ง long ควร stop loss ถ้าราคาหลุด 1,260 ดอลลาร์) และดัก short ที่ระดับ 1,285-1,295 ดอลลาร์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน