น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวนจากความกังวลต่อปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศที่มีความไม่แน่นอนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ มีแผนปรับลดงบดุลจาก 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีนี้ ส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติมีความผันผวน และเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังตัวเลข CPI ทรงตัวในเดือนมิ.ย.สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น บ่งชี้ถึงอัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำ

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยภายในประเทศยังมีแนวโน้มเชิงบวก จากการที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เตรียมปรับเพิ่มเป้าจีดีพีในปี 2560 ขยายตัวเกิน 3.5% สอดคล้องกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการส่งออกสินค้าและบริการ แม้การรายงานตัวเลขหนี้สาธารณะของไทยเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 7.9 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 42.9% ของจีดีพีจากการปรับโครงสร้างหนี้ 6.5 หมื่นล้านบาท

ส่วนปัจจัยปัจจัยที่ต้องจับตา คือ การประกาศผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2560 ของกลุ่มธนาคารในสัปดาห์นี้ และวันที่ 20 ก.ค. จะมีการประชุมนโยบายการเงิน BOJ และ ECB คาดว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น รวมทั้งวันที่ 24 ก.ค. รัฐมนตรีน้ำมันจาก 5 ชาติของโอเปก จะประชุมร่วมกันที่รัสเซียซึ่งคาดว่าที่ประชุมอาจมีการเสนอมาตรการกระตุ้นราคา

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีความผันผวนสูงตามทิศทาง Fund Flow ต่างชาติที่ไม่ชัดเจน รวมถึงคาดว่านักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อติดตามการประชุม ECB , BOJ ในวันที่ 20 ก.ค. อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีแรงซื้อสะสมหุ้นรายตัวที่งบไตรมาส 2/2560 ที่เติบโตขึ้นช่วยพยุงดัชนีช่วงอ่อนตัว ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,560-1,590 จุด

ทั้งนี้ แนะนำซื้อสะสมในกลุ่มหุ้นที่คาดว่างบไตรมาส 2/2560 จะเติบโต ได้แก่ LH, HARN, LIT, MGT และสะสมหุ้นที่จ่ายปันผลครึ่งปีสูง ได้แก่ ADVANC, INTUCH, KKP และ TCAP

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำได้รับแรงกดดันจาก การคาดการณ์ว่า Fed คาดอาจเริ่มปรับลดงบดุลได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะชะลอออกไปก่อนตามภาวะเงินเฟ้อต่ำ และการเลื่อนการลงมติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ออกไป กดให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า ส่งผลดีต่อสินทรัพย์ทั่วโลก รวมถึงโลหะมีค่า

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำเป็นเพียงการตอบสนองต่อการ cover short และเก็งกำไรระยะสั้นจากการอ่อนลงของสกุลเงินดอลลาร์เท่านั้น โดยสถานการณ์ถือครองของกองทุน SPDR ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่สิ้นเดือน มิ.ย. แม้การดิ่งลงของมูลค่า Bitcoin ได้ช่วยหนุนให้เงินทุนบางส่วนไหลเข้ามาถือครองทองคำแทนดอลลาร์ที่กำลังอ่อนค่าก็ตาม

ดังนั้นนักลงทุนจึงควรเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากราคารีบาวน์เข้าใกล้ช่วงแนวต้าน 1,240-1,245 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีโอกาสจะอ่อนตัวลงมาพักและแกว่งตัวออกข้างได้ จึงแนะนำให้เก็งกำไรเป็นรอบสั้น ๆ ส่วนพอร์ตลงทุนระยะกลางถึงยาว สามารถทยอยซื้อสะสมเพิ่มเติมได้เมื่อราคาอ่อนตัวลงใกล้ระดับ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ และจับตา ECB ที่มีความไม่แน่นอนเรื่องการปรับลด QE ส่วน BOJ คาดว่าจะคงมาตรการซื้อสินทรัพย์ตาม yield curve ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน