นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ผันผวนในกรอบแคบ (ไซด์เวย์) 1,559-1,585 จุด โดยนักลงทุนยังรอดูความชัดเจนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการปรับลดขนาดงบดุลจาก 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ให้เหลือ 2-2.5 ล้านล้านเหรียญ ภายในปี 2564 ซึ่งส่งผลกระทบทำให้เกิดกระแสเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะจากตลาดหุ้นเกิดใหม่อย่างภูมิภาคอาเซียน แต่อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบในวงจำกัด เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถานะถือครองหุ้นของต่างชาติต่ำสุดแล้ว

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.4% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 3.3% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 0.8% จากเดิมที่ 1.5% ขณะที่ปี 2561 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.6% ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ผ่านจุดต่ำสุดแล้วและคาดจะทรงตัวไปถึงปีหน้าที่ระดับ 40-60 เหรียญสหรัฐ/บาเรล

ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้มองที่ 1,550 จุด ที่ระดับพีอี (ราคาต่อกำไร) 14.5 เท่า อย่างไรก็ตาม แนะนำให้สะสมหุ้นที่ระดับดัชนี 1,520-1,530 จุด

ทั้งนี้ในส่วนของปัจจัยในประเทศซึ่งการบริโภคในประเทศยังไม่ฟื้นและยากมากที่จะฟื้น จากแรงกดดันของหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้รัฐบาลหันไปกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว และเร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งหากรัฐบาลผลักดันสำเร็จจะส่งผลต่อความมั่นใจภาคเอกชน นอกจากนี้ ในปี 2561 หนี้จากโครงการรถยนต์คันแรกจะครบชำระ 5 ปี โดยจะทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคบางส่วนดีขึ้น

ดังนั้นหุ้นในกลุ่มที่แนะนำ คือ ธนาคาร แนะนำ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ซึ่งปล่อยสินเชื่อองค์กรขนาดใหญ่ และมีการตั้งสำรองหนี้สูงที่สุด แม้จะกดดันความสามารถในการทำกำไร รวมถึงแนะนำธนาคารทิสโก้ (TISCO) เงินปันผลดี ส่วนหุ้นพลังงาน ยังคงแนะนำ ปตท. (PTT) หุ้นรับเหมาก่อสร้าง แนะนำ ช.การช่าง (CK) และ ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่นย (STEC)

ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวแนะนำให้รอซื้อเมื่อราคาอนตัว คือ บริษัท โรงแรม เซ็นทรัล พลาซา (CENTEL) และ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) กลุ่มค้าปลีก แนะนำ ซีพี ออลล์ (CPALL) และกลุ่มส่งออก แนะนำ เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) และ ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส์ (HANA)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน