บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ (15-18 ส.ค.) เงินบาทแตะระดับ 33.20 บาทต่อดอลลาร์ (แข็งค่าสุดในรอบ 27 เดือนครั้งใหม่) หลังจากเงินดอลลาร์ เผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจากประเด็นการเมืองภายในของสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ มีความล่าช้า ขณะที่จังหวะเวลาการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ก็มีความไม่แน่นอนมากขึ้น หลังจากบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 25-26 ก.ค. สะท้อนว่าเจ้าหน้าที่เฟดมีท่าทีกังวลต่อความอ่อนแอของเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ เงินบาทมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์จากการกลับมาซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ สำหรับในวันศุกร์ (18 ส.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 33.21 บาทต่อดอลลาร์ จากระดับ 33.23 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (11 ส.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (21-25 ส.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.10-33.30 บาทต่อดอลลาร์ โดยจุดสนใจของตลาดในประเทศน่าจะอยู่ที่ข้อมูลจีดีพีประจำไตรมาส 2/2560 ของไทย ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) สำหรับเดือนส.ค. ของหลายๆ ประเทศ ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่-บ้านมือสอง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค. ของสหรัฐ รวมถึงสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ และธนาคารกลางยุโรป จากงานประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสันโฮล วันที่ 24-26 ส.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนอาจมีจุดสนใจเพิ่มเติมที่ประเด็นการเมืองระหว่างประเทศในช่วงการซ้อมรบระหว่างสหรัฐ และเกาหลีใต้วันที่ 21 ส.ค. นี้ เช่นกัน

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นเล็กน้อย โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,566.53 เพิ่มขึ้น 0.33% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นประมาณ 6.49% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 38,457.15 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 534.07 จุด ลดลง 0.28% จากสัปดาห์ก่อน

ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบตลอดสัปดาห์ โดยได้รับทั้งแรงหนุนจากการผ่อนคลายความตึงเครียดต่อสถานการณ์สหรัฐ-เกาหลีเหนือ และแรงกดดันจากการปรับพอร์ตของนักลงทุน หลังภาพรวมงบการเงินของบจ. สำหรับไตรมาส 2/2560 ไม่เป็นไปตามที่คาด

อย่างไรก็ดี ช่วงปลายสัปดาห์ SET Index เผชิญแรงเทขายท่ามกลางความกังวลต่อกรณีก่อการร้ายในนครบาร์เซโลนา ประเทศสเปน และความมั่นคงของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งอาจกระทบต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแผนปฏิรูปภาษีที่อาจเลื่อนออกไป

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (21-25 ส.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,555 และ 1,535 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,575 และ 1,585 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2560 ของไทย

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนส.ค. ยอดขายบ้านใหม่และบ้านมือสอง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ อาทิ การประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสันโฮล ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ค. ของประเทศญี่ปุ่น ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนส.ค. ของประเทศแถบยุโรป และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2560 ของอังกฤษ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน