นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย Head of Research ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด เปิดเผยว่าปี 2560 นับเป็นปีแรกที่เศรษฐกิจโลกถูกปรับประมาณการณ์เชิงบวกมากขึ้นนับตั้งแต่ผ่านพ้นวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ในปี 2551 โดยคาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโต 2.7% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่ในระดับ 2.4% ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว จะส่งผลให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์มีกำไรที่ดีขึ้น และส่งสะท้อนในเชิงของภาคการค้าระหว่างประเทศที่ดีขึ้นด้วย

ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ คาดว่าจะเติบโตได้ 3.6% แรงผลักดันเศรษฐิจไทยมาจากภาคการส่งออก โดยเป็นผลพวงจากเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัว และเชื่อว่าจะมีแรงส่งไปถึงปี 2561 ที่ 3.6% โดยมีภาคการส่งออกเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจ รวมถึงการลงทุนของรัฐบาล และการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่ค่าเงินบาทมองว่ายังมีโอกาสแข็งค่าขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ทำให้เงินลงทุนต่างประเทศไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี แม้ว่าขณะนี้ภาคเอกชนยังไม่มีการลงทุน ส่วนหนึ่งเพราะอาจยังไม่เชื่อมั่น หรือมีการนำเงินออกไปลงทุนในประเทศซีแอลเอ็มวี แต่สัญญาณเชื่อว่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในอีก 1 ปีข้างหน้าที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น จะเป็นตัวช่วยให้ความเชื่อมั่นกลับมา

สำหรับตลาดหุ้นไทย ซึ่งมองว่ากำลังเป็นขาขึ้น อย่างไรก็ดีมองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปีนี้ที่ 1,620 จุด และประมาณการณ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ดัชนีจะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 1,720-1,780 จุด ณ ราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (พีอี) ที่ 15.6 เท่า เทียบกับกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้าที่คาดว่าจะเติบโตในระดับ 10%

“กระแสเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างชัดเจนนับตั้งแต่งานไทยแลนด์โฟกัส 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทของไทยมีการแข็งค่าที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมีสำรองเงินตราต่างประเทศค่อนข้างสูง และเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่องมาหลายปี แต่ยิ่งไปกว่านั้นคาดว่านักลงทุนสถาบันต่างประเทศได้รับข้อมูลเศรษฐกิจไทยและข้อมูลจากบริษัทจดทะเบียนไทยเพิ่มมากขึ้นและโอกาสที่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศรายอื่นๆ จะไหลเข้ามาอีกก็ยังคงมี หรือไม่อย่างนั้นในช่วงปลายปีนี้จะมีเงินจากกองทุนแอลทีเอฟ อาร์เอ็มเอฟ ประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาท ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทย ซึ่งจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นเชิงบวก”นายถนอมศักดิ์ กล่าว

นายสมบัติ นราวุฒิชัย อุปนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน และประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) มองเศรษฐกิจไทยจากนี้ไปฟื้นตัวชัดเจนในปลายปีนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจของชนชั้นกลางเริ่มรู้สึกฐานะทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น หลังจากตลาดหุ้นปรับขึ้นต่อเนื่อง 2 ปี ส่วนชนชั้นรากหญ้าหนี้ผ่อนคลายดีขึ้น และปีหน้าเศรษฐกิจจะดีต่อเนื่องจากปีนี้ และผลประกอบการบจ.จะดีขึ้น ส่วนทิศทางดอกเบี้ยยังเป็นตัวแปรทางบวกของผู้ลงทุนในตลาดหุ้น โดยดอกเบี้ยยืนระดับเดิมถึงกลางปีหน้า ขณะเดียวกันเชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปี 2562 ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นเงินลงทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามา หลังการเมืองเข้าสู่โหมดปกติ

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยในช่วงปี 2556-2558 ช่วงที่สถานการณ์การเมืองไทยไม่ปกติ พบว่านักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยต่อเนื่องรวมแล้ว 3.84 แสนล้านบาท และในปี 2559 กระแสเงินต่างประเทศเริ่มกลับเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทย 8 หมื่นกว่าล้านบาท ต่อเนื่องปีนี้ 1.4 หมื่นล้านบาท ฉะนั้นรวม 2 ปี ซื้อสุทธิหุ้นไทย 2 หมื่นกว่าล้านบาท ดังนั้นหากการเมืองไทยกลับสู่ภาวะปกติ เศรษฐกิจก็กลับสู่ภาวะปกติด้วย ดังนั้นเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศที่จะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยอีกประมาณ 2.9 แสนล้านบาท แบบทยอยเข้าลงทุนก็มีโอกาส ดังนั้นตลาดหุ้นไทยปีนี้ขาลงมีจำกัด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน