น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยหนุนจากที่ประชุมครม. เห็นชอบร่างพ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. … หรือร่างพ.ร.บ.อีอีซี ขณะที่ปัญหาความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเริ่มผ่อนคลายลง หลังสหรัฐ ต้องการแก้ปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลีด้วยวิธีทางการทูต บวกกับกระแส Fund Flow ตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. ซื้อสุทธิราว 1.3 หมื่นล้านบาท

ส่วนปัจจัยที่มีผลลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะนี้มาจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และราคาน้ำมันที่ปรับลงจากความกังวลต่อผลผลิตน้ำมันของสหรัฐหรือ shale oil ที่เพิ่มขึ้น

โดยยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 21 ก.ย. กำหนดประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) คาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามเดิ และวันที่ 22 ก.ย. ทางกลุ่มอียู-สหรัฐ เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ย.รวมถึงในวันที่ 24 ก.ย. เลือกตั้งเยอรมัน โพลล์คาดพรรค CDU ของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลจะชนะการเลือกตั้ง

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้ปัจจัยบวกจากสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีที่ผ่อนคลายหลังสหรัฐต้องการแก้ปัญหาด้วยวิธีทางการทูต รวมถึงราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเหนือ 50 US/Barrel และ Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลเข้า อย่างไรก็ตามภาวะ Overbought ทางเทคนิคจะเป็นแรงกดดันต่อทิศทางดัชนี

ดังนั้น ประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัดบริเวณแนวต้าน 1,680-1,690 จุด ทั้งนี้แนะนำ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี อานิสงส์ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น และคาดการณ์กำไร Q3/2560 เติบโต รวมถึง PSL และ TTA ที่ได้รับอานิสงส์จากดัชนีค่าระวางเรือปรับขึ้นทำ High รอบ 2 ปี

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า นักลงทุนรอดูผลการประชุม Fed ในคืนวันพุธ โดยคาดการณ์ว่าจะมีการประกาศเริ่มต้นปรับลดงบดุลและแผนต่อเนื่อง นอกจากนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นของคณะกรรมการ FOMC และประธาน Fed สาขาต่างๆ เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะเป็นจุดสำคัญที่ตลาดให้ความสนใจ เนื่องจากหากมีแนวโน้มที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ตามที่ตลาดให้ความเชื่อมั่น คาดว่าเงินทุนจะไหลเข้าถือเงินสกุลดอลลาร์มากขึ้น และมีโอกาสจะกดให้ราคาทองคำหลุดระดับ 1,300 ดอลลาร์ได้

ส่วนการเลือกตั้งของเยอรมันในวันอาทิตย์นี้ ผลสำรวจค่อนข้างชัดเจนว่าพรรครัฐบาลเดิมจะได้รับชัยชนะ แม้ว่าการร่วมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากจะทำได้ยากขึ้นเพราะจำนวนเสียงจะลดลง แต่จะไม่มีแรงกระเพื่อมทางลบไปถึงแนวทางหลักของยูโรโซนและสหภาพยุโรป จึงคาดว่าจะไม่มีผลต่อราคาทองคำ ยกเว้นผลการเลือกตั้งออกมาพลิกโผด้วยการเปลี่ยนพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม สำหรับมุมมองทางเทคนิค ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาก แต่ยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้นตราบใดที่ยังยืนอยู่เหนือ 1,300 ดอลลาร์ ซึ่งนักลงทุนที่ขายทำกำไรไปแล้ว สามารถแบ่งส่วนซื้อกลับที่ระดับดังกล่าวได้ แต่หากไม่สามารถยืนเหนือ 1,300 ดอลลาร์ ควร stop loss และอาจเข้า trading short สั้นๆ แทน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน