นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้ให้บริการธุรกิจดิจิตอลไฟแนนซ์ในภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า กลุ่มบริษัทพร้อมแล้วที่จะให้บริการสินเชื่อด้านต่างๆ โดยแพลตฟอร์มดิจิตอลไฟแนนซ์ ภายใต้รูปแบบ ฟินเทค (FinTech) หรือเทคโนโลยีทางการเงิน หลังจากได้พัฒนาระบบไอทีอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันระบบฟินเทคสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการกระบวนการทำธุรกิจทั้งหมด ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายเป็นผู้นำธุรกิจฟินเทคในภูมิภาคเอเชียภายใน 5 ปีข้างหน้า

ฟินเทคของบริษัทคาดว่าจะใช้ได้ผลอย่างเต็มที่ในตลาดใหม่ของบริษัท 2 แห่ง ได้แก่ ที่ประเทศเมียนมา และอินโดนีเซีย เป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่น และเป็นตลาดที่มีการขยายตัวสูง คาดว่าพอร์ตสินเชื่อในเมียนมา จะสามารถเพิ่มขึ้นได้ถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่วนตลาดอินโดนีเซีย จะสามารถขยายสินเชื่อได้ถึงหลายพันล้านเหรียญสหรัฐเช่นกัน

แม้ว่าขณะนี้ตลาดทั้ง 2 ประเทศยังมีขนาดเล็ก เนื่องจากบริษัทเพิ่งขยายเข้าไปในรอบปีที่ผ่านมา โดยรายได้และกำไรจากเมียนมาและอินโดนีเซียในปัจจุบันยังไม่มากนัก แต่นับจากนี้ธุรกิจจะสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว และมั่นใจว่าการลงทุนในระบบและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ได้เสร็จสิ้นแล้ว จากนี้ไปธุรกิจทั้ง 2 ประเทศจะสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด

“เนื่องจากการลงทุนในการจัดตั้งระบบการบริหารและโครงสร้างการทำธุรกิจต่างๆ ใน 2 ประเทศนี้ได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยอินโดนีเซียจะเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของกรุ๊ปลีสภายใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ โดยขณะนี้กรุ๊ปลีสได้ขยายไปสู่พื้นที่ชนบทหลายแห่งในเกาะหลักของอินโดนีเซียทุกเกาะ ซึ่งแทบจะไม่มีคู่แข่งและบริษัทพร้อมที่จะรุกคืบด้วยความมั่นใจ”

รูปแบบธุรกิจดิจิตอลไฟแนนซ์ของกรุ๊ปลีสสามารถนำไปใช้ได้ในทุกประเทศ ดังนั้น จึงสามารถรุกขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว จากฐานธุรกิจหลักในประเทศไทย กรุ๊ปลีส ได้รุกขยายธุรกิจไปยังอีก 6 ประเทศในทวีปเอเชีย ประกอบด้วย สิงคโปร์ กัมพูชา ลาว เมียนมา และอินโดนีเซีย ในช่วงปีที่ผ่านมา ปัจจุบันธุรกิจในกัมพูชาและประเทศไทย ยังคงเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท ซึ่งผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปีนี้มีรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจเช่าซื้อมียอดทั้งสิ้น 525.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.61 ล้านบาท หรือ 6.83% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน