นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยยังเผลิญความเสี่ยงจากตลาดโลกที่ยังผันผวน โดยเฉพาะความกังวลของการขึ้นดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ แต่คาดว่าผลกระทบต่อไทยจะมีจำกัด เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติไม่ได้ถือครองหุ้นไทยมากแตกต่างจากประเทศอื่นๆในภูมิภาคที่ซื้อมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552 ทำให้ผลกระทบอาจมีมากกว่า

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ต้นเดือนก.พ.ปีนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 7 วันติดต่อกันสะสม 2.87 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นปริมาณการขายรายเดือนที่สูงที่สุดในรอบ 14 เดือน และเป็นการขาย 5 เดือนติดต่อกันรวมเป็นยอดขาย 6.97 หมื่นล้านบาท โดยส่งผลให้ยอดสะสมตั้งแต่ปี 2552 ถึงปัจจุบัน ยังเป็นการขายสุทธิ 1.75 แสนล้านบาท ซึ่งใกล้ถึงจุดต่ำสุดที่ระดับขายสุทธิ 2.08 แสนล้านบาท ในเดือนก.พ. 2559 โดยคาดว่าแนวโน้มการขายจะเริ่มเบาลง และ พลิกกลับเป็นซื้อสุทธิในไม่ช้านี้ เพราะจากสถิติตั้งแต่ปี 2552 นักลงทุนต่างชาติจะเข้าซื้อสุทธิในเดือนมี.ค.ทุกปี ด้วยมูลค่าเฉลี่ย 1.7 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ดี บริษัทมองว่าเดือนมี.ค. จะเป็นตัวชี้วัดว่าตลาดหุ้นไทยจะไปต่อได้หรือไม่ เพราะมีประเด็นที่ต้องติดตาม คือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี และจะนำไปสู่การเลือกตั้ง ทั้งนี้ จะดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี โดยบริษัทได้ประเมินดัชนีหุ้นไทยในเดือนมี.ค.ไว้ที่ 1,820-1,840 จุด จากทั้งปี 1,850 จุด และหากดัชนียังอยู่ในเชิงบวกได้ต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่กลางปีนี้บริษัทจะปรับดัชนีขึ้นอีกครั้ง

สำหรับอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดในภาวะที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น คือ กลุ่มธนาคาร โดยคาดว่ากำไรในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปีนี้จะเติบโต 11% จากปีก่อนที่หดตัว 5.5% เนื่องจากความต้องการสินเชื่อจะกลับเพิ่มมากขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การลงทุน และการบริโภค ซึ่งปีนี้มองว่าสินเชื่อรวมจะเติบโตได้ 6% จากปีก่อนที่อยู่ 4% ประกอบกับ หนี้ที่มิก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในปีนี้จะลดลงมาอยู่ที่ 3.64% จากไตรมาส 4 ปี 2560 อยู่ที่ 3.73% ซึ่งส่งผลให้การตั้งสำรองของกลุ่มธนาคารปีนี้ลดลงตามไปด้วย

โดยหุ้นที่แนะนำลงทุน คือ ธนาคารกรุงเทพ ให้ราคาเป้าหมายที่ 293 บาท ธนาคารกรุงไทย ให้ราคาเป้าหมายที่ 23 บาท และ ธนาคารทิสโก้ ให้ราคาเป้าหมายที่ 105 บาท ซึ่งเป็นหุ้นที่ให้ปันผลสูง โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุน คือ นับตั้งแต่เดือนนี้ไปถึงเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ประกาศการจ่ายปันผล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน