ปิดที่ 1,382.41 จุด ปรับตัวลดลง -7.72 จุด คิดเป็น -0.56% จุดสูงสุดอยู่ที่ 1,394.18 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,382.27 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 47,641.34 ล้านบาท ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 874.54 จุด ปรับตัวลดลง -8.32 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1.26% โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นกว่า 2% และจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นอเมซอน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนมี.ค. และการแสดงมุมมองเศรษฐกิจในด้านบวกของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขาแอตแลนตา
ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดทรงตัว เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย ภายหลังจากตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลง
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดบวก 0.39% เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าทางการจีนจะออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่ม เติมหลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อจีนอยู่ในระดับทรงตัว
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวก 0.08% เนื่องจากนักลงทุนส่งแรงซื้อเข้าหนุนตลาดหลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้น นิวยอร์กพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนีนิกเกอิลดแรงบวกเนื่องจากนักลงทุนเทขาย อันเนื่องมาจากการแข็งค่าของเงินเยนได้ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับ แนวโน้มผลกำไรของบริษัทส่งออก
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1. IVL มูลค่าการซื้อขาย 2,277.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +1.75 บาท คิดเป็น +6.19%
2. KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,173.02 ล้านบาท ลดลง -3.00 บาท คิดเป็น -1.86%
3. TKN มูลค่าการซื้อขาย 2,085.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +2.10 บาท คิดเป็น +19.27%
4. ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,659.78 ล้านบาท ลดลง -2.50 บาท คิดเป็น -1.66%
5. BEM มูลค่าการซื้อขาย 1,503.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +0.20 บาท คิดเป็น +3.23%
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นต่อในช่วงเช้าและผ่านขึ้นทำ New high วันต่อวันเล็กน้อย แต่ไม่สามารถประคองตัวยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน จึงมีแรงขายทำกำไรกลับลงมา โดยในช่วงบ่ายดัชนีเริ่มหลุดลงมาทำ New low ต่อเนื่อง ทำให้ MACD หลุดลงมาเล่นต่ำกว่าศูนย์อีกครั้ง ดังนั้นวันนี้หากดัชนีหลุดลงมาหรือปิดต่ำกว่า 1,381 จุดอีก ดัชนีมีโอกาสซึมลงต่อแถวๆ 1,373 จุดได้ต่อไป โดยมีแนวต้านกรณีรีบาวด์กลับสั้นๆ แถวๆ 1,388-1,389 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
