นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุด 30 ก.ย. 2559 ว่า มีผลประกอบการเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลประกอบการสำหรับงวด 9 เดือนของปี 2559 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 9,009 ล้านบาท สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2558 คิดเป็น 10.7% เป็นผลมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์ประกันภัยรายย่อยในกลุ่มประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลและประกันภัยรถยนต์ทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับ ที่มีการเติบโตกว่า 10%

นอกจากนี้ มีงานประกันภัยเบ็ดเตล็ดที่ขยายตัวสอดคล้องกับงานด้านสาธารณูปโภคของรัฐในโครงการต่างๆ เบี้ยประกันที่ถือเป็นรายได้สำหรับปีมีจำนวน 5,042 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 362 ล้านบาท

นอกจากนี้ รายได้ค่าจ้างและบำเหน็จก็ยังเพิ่มขึ้น 169 ล้านบาทสืบเนื่องมาจากการเอาประกันภัยต่อที่เพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง กำไรและรายได้จากการลงทุนมีจำนวน 368 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 30 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.2% เป็นผลจากการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนให้สมดุลระหว่างรายได้เงินปันผล ดอกเบี้ย และกำไรขายหุ้นตามจังหวะเวลาและโอกาสที่สามารถทำกำไรได้ กำไรสุทธิของบริษัทฯ ปรับตัวลดลงเป็นผลจากค่าใช้จ่ายสินไหมที่เพิ่มขึ้นมากเนื่องจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติเช่นลมพายุ ในไตรมาส 2 และน้ำท่วมในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาอีกทั้งมีอุบัติภัยเช่นอัคคีภัยรายใหญ่หลายราย

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีการขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านตามแผนการขยายธุรกิจของบริษัทฯ โดยมีการเปิดบริษัท เอสทีเมืองไทยประกันภัย จำกัด ร่วมกับ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัท เมืองไทยโฮลดิ้ง จำกัด และ S.T. Group Co., Ltd. ผู้ประกอบธุรกิจธนาคาร ST Bank ใน สปป.ลาว เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา

และกำลังเตรียมการขออนุญาตเปิด สำนักงานผู้แทน (Representative Office) ที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ และคาดว่าจะเปิดได้ในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า นอกจากนี้ บริษัท ยังมีการศึกษาและวางแผนการลงทุนที่ประเทศอื่นๆ ได้แก่ ประเทศกัมพูชาและเวียดนาม เพื่อสร้างการเติบโตให้แข็งแกร่ง และใช้จุดเด่นในการสร้างฐานพันธมิตรและรูปแบบธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ไปยังประเทศเหล่านั้นด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน