คุณอังคณา ปาคำ หรือ คุณจ๊ะเอ๋ ธุรการสาว เจ้าของบ้านไร่อำไพร ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 186 หมู่ที่ 3 ตำบลแม่พลู อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ที่ถึงแม้จะมีงานประจำทำอยู่แล้ว ก็ยังสามารถแบ่งเวลามาทำงานเกษตรที่ตนเองรักได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
คุณจ๊ะเอ๋ บอกว่า การปลูกผักของตนเองเริ่มจากการมีเป้าหมายอยากจะปลูกผักไว้กินเอง จึงเริ่มต้นจากการปลูกผักสลัดก่อน แต่ด้วยสภาพดินและต้นทุนการปลูกผักสลัดค่อนข้างสูง ทำให้ต้องกลับมาพิจารณาใหม่ว่าควรจะเอาเงินไปทุ่มกับตรงนี้หรือไม่ และก็คิดได้ว่าการทำเกษตรเราต้องเริ่มต้นจากศูนย์ จึงเปลี่ยนความคิดเริ่มมองจากสิ่งใกล้ตัวก่อนคือมีผักอะไรบ้างที่เราและที่บ้านชอบกิน แล้วขยายต่อไปยังชุมชนว่าคนในชุมชนชอบกินผักอะไร หรือปลูกอะไรที่ชาวบ้านเข้าถึงง่าย จับจ่ายใช้สอยสะดวก

โดยนำเอาหลักความคิดเหล่านี้มาเป็นแนวทางการทำเกษตร ปลูกพืชผักสวนครัวผสมผสาน เช่น แตงกวา กระเจี๊ยบ ถั่วฝักยาว คะน้า ผักบุ้ง มะเขือเปราะ และอื่นๆ อีกมากมายตามฤดูกาล มีการจัดสรรพื้นที่ปลูกทั้งหมด 18 แปลง เลือกปลูกพืชผักตามฤดู และเลือกพืชที่ไม่ค่อยมีแมลงมารบกวน เพื่อการจัดการง่าย ประหยัดต้นทุน
ส่วนเรื่องระบบน้ำไม่เป็นปัญหา เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ที่สวนของเราแห่งนี้ได้เปรียบตรงที่มีบ่อสต๊อกน้ำไว้เยอะ พร้อมกับการขุดบ่อบาดาลไว้สำหรับการเกษตรไว้โดยเฉพาะ

เคล็ดลับการดูแลพืชผักหลากหลายชนิด
1. มีใจรัก การทำเกษตรไม่ใช่แค่เพียงเห็นคนอื่นทำแล้วประสบความสำเร็จจึงคิดว่าเป็นเรื่องง่าย เพราะกว่าที่เราจะมาอยู่ตรงนี้ได้ก็ใช้เวลาเกือบ 2 ปี ในการลองผิดลองถูก และศึกษาข้อมูลการทำเกษตรเพิ่มเติมทุกครั้งที่มีโอกาส
2. มีวินัย เนื่องจากการทำงานประจำในทุกๆ วันค่อนข้างเครียด หลายคนเอาตรงนี้มาเป็นข้อแม้แล้วดับฝันตัวเองลง
3. ตรงต่อเวลา การแบ่งเวลาให้เป็น และความตรงต่อเวลาถือเป็นเรื่องสำคัญ คือต้องตรงเวลากับลูกค้า เช่น ลูกค้านัดส่งของวันไหนต้องเป็นวันนั้น เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันในระยะยาว ช่วยส่งผลดีในเรื่องการทำตลาด
4. การเตรียมดินที่ดี เนื่องจากสภาพดินของที่สวนไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ แต่ปัจจัยอันดับต้นๆ ของการปลูกพืชให้ประสบความสำเร็จคือดิน ทางสวนก็จะให้ความใส่ใจกับขั้นตอนการปรับปรุงสภาพดินเป็นพิเศษ ด้วยการใช้ขี้วัวมาบำรุงดินอย่างสม่ำเสมอในช่วงปีแรก จนดินเริ่มมีอินทรียวัตถุ เริ่มปลูกพืชได้ผลดีมากขึ้น พร้อมกับการพักแปลงโรยปูนขาวและตากดินฆ่าเชื้อโรคทุกครั้งหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จ
5. ระบบน้ำทั่วถึง น้ำอีกปัจจัยสำคัญในการปลูกพืช ดินและพืชจะขาดน้ำไม่ได้ เพราะฉะนั้นที่สวนจะวางระบบน้ำสปริงเกลอร์ไว้รอบทั้งแปลงผัก และเปิดรดน้ำเช้า-เย็นในฤดูร้อน ส่วนในฤดูฝนจะดูจากสภาพอากาศและสภาพดินเป็นหลัก ถ้าช่วงไหนฝนตกชุกก็จะงดการให้น้ำ

โดยขอยกตัวอย่างวิธีการปลูกแตงกวาแบบง่ายๆ แต่สร้างรายได้ดี เน้นทฤษฎีที่เข้าใจง่ายคือ “ผักที่กินลูกให้ตัดใบ ผักที่กินใบให้ตัดดอก”
วิธีการปลูก ทางสวนจะไม่ได้มีการเพาะกล้าในถาดหลุมก่อน แต่จะใช้วิธีขุดหลุมแล้วปลูกเลย โดยหยอดหลุมละ 2 เมล็ด ปลูกในระยะห่างระหว่างต้น 30 เซนติเมตร จากนั้น 2-3 วัน ต้นจะเริ่มงอกออกมาให้เริ่มดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ยขี้วัวอาทิตย์ละครั้ง จนถึงเก็บเกี่ยว ใส่ปริมาณต้นละ 1-2 กำมือ หว่านบริเวณรอบโคนต้น ใช้เวลาปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 45-60 วัน ปลูกครั้งละ 2 แปลง เก็บขายได้วันละ 200-300 บาท
การปักค้าง เน้นทำแบบง่ายๆ โดยการใช้ไม้ไผ่ปักลงดินลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร เพื่อใช้ทำเป็นเสา ในระยะห่างต้นละ 3 เมตร แล้วใช้เชือกตาข่ายขึงยาวบนถึงล่าง ออกมาในลักษณะค้างแบบเสารั้ว ซึ่งเป็นวิธีที่ทำง่าย ให้ผลผลิตดี สามารถปลูกได้ทั้งแตงกวาและถั่วฝักยาว
วิธีป้องกันกำจัดโรคแมลง ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยการนำเอาขี้เถ้าถ่าน มาผสมกับน้ำเปล่าแล้วคนทั้งหมดให้ละลายเข้ากันดี เสร็จแล้วทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้ตกตะกอนเป็นน้ำใสๆ จากนั้นค่อยๆ ตักน้ำขึ้นมา เพื่อไม่ให้ตะกอนที่นอนอยู่ขุ่นขึ้นมา แล้วทำการกรองน้ำอีกรอบ โดยการใช้ตาข่ายในการกรอง วิธีการใช้นำน้ำขี้เถ้าผสมกับน้ำเปล่าก่อนฉีดพ่น อาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือดูตามสถานการณ์หากเป็นช่วงหน้าฝนที่เกิดโรคและแมลงมากหน่อย ก็จะทำการฉีดพ่นอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
การสร้างรายได้ เฉลี่ยวันละ 200-300 บาท จากการเก็บพืชผักสวนครัวขาย มีตลาดหลักๆ คือร้านอาหารในชุมชน กลุ่มเจ้าหน้าที่ตามโรงพยาบาล เนื่องจากผักของที่สวนปลูกแบบปลอดสารเคมี รวมถึงการขายออนไลน์อีกช่องทางหนึ่ง โดยพืชดาวเด่นของที่สวน ได้แก่ แตงกวา ถั่วฝักยาว และกระเจี๊ยบเขียว ที่มีขายเป็นประจำ ส่วนผักชนิดอื่นๆ จะปลูกขายตามฤดูกาล มาประกอบกับเทคนิคการสร้างความแตกต่าง นำเอาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาทำการแพ็กสินค้าให้น่าซื้อ แตกต่างจากที่ขายในตลาดทั่วไป
แนะนำเกษตรกรมือใหม่
“อันดับแรกคือต้องหาจุดที่ตัวเองรักให้เจอ และวินัยในตัวเองต้องมีสูงมาก การมีวินัย และการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เพราะเราไม่ได้ทำเกษตรแบบพร่ำเพรื่อ แต่เราทำให้เกิดผลสำเร็จจริงๆ ถ้าตั้งใจทำเกษตร ทุกอย่างต้องลงมือเอง ไม่ใช่มีแค่เพียงทฤษฎี แต่ไม่ลงมือปฏิบัติก็ไม่เห็นผล ถัดมาคือการรู้จักสังเกตจุดเด่นและจุดด้อยของตัวเอง อันไหนที่ดีอยู่แล้วก็พัฒนาต่อ ส่วนอันไหนที่ยังเป็นจุดด้อยก็แก้ไขปรับปรุงไปเรื่อยๆ ยกตัวอย่างของจ๊ะเอ๋เอง เรามีจุดเด่นที่ไอเดียการแพ็กสินค้า คือการนำวัสดุจากธรรมชาติมาดัดแปลงทำให้สินค้าดูน่าซื้อขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างจุดเด่นแล้วยังถือเป็นการใส่ใจลูกค้าอีกด้วย เพราะไม่ใช่จะปลูกขายอย่างเดียว แต่ลูกค้าต้องเกิดความประทับใจในสินค้าเรา คือผักเราปลูกแบบปลอดสาร กินแล้วปลอดภัย ลูกค้าต้องมีสุขภาพที่ดี นี่คือใจความสำคัญของเรา” คุณจ๊ะเอ๋ กล่าวทิ้งท้าย

