เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
Featured สูตรลับจากฟาร์ม เทคนิคเกษตร

ปลูกข้าวอินทรีย์ให้มีผลผลิตเพิ่มทุกปีแบบฉบับ “ข้าวนูนีนอย ” เชียงดาว  

เมื่อสิบกว่าปีก่อน  “พี่จอบ” วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์  คอลัมนิสต์ชื่อดัง และ “พี่อ้อย” ดร.สรณรัชฎ์ กาญจนะวาณิชย์ สองสามีภรรยาเริ่มรู้สึกว่าเมืองกรุงไม่น่าอยู่แล้ว พืชอาหารในท้องตลาดปัจจุบันมีสารอาหารน้อยกว่าเมื่อ 70 ปีก่อนหลายเท่า  เกิดจากความเสื่อม ดินที่ปุ๋ยเคมีทำลาย ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร ทำให้คุณภาพสารอาหารลดลง

“พี่จอบ” และ “พี่อ้อย”  ตัดสินใจซื้อผืนนาแปลงหนึ่งที่ทุ่งน้ำนูนีนอย ในอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยเลี้ยงตัวเอง และแบ่งปันให้คนรอบข้าง  เมื่อตั้งใจทำเกษตรอินทรีย์  ภาระกิจแรกคือ การฟื้นฟูผืนดินให้ปลอดภัยจากสารเคมี ก่อนจะลงมือปลูกพืชผลทางการเกษตรแบบอินทรีย์อย่างจริงจังกับชาวบ้าน  

“พี่จอบ” วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ และ “พี่อ้อย” ดร.สรณรัชฎ์ กาญจนะวาณิชย์

ทุ่งน้ำและไร่นาเกษตรอินทรีย์นูนีนอยเป็นศูนย์ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับธรรมชาติ มุ่งอนุรักษ์ธรรมชาติให้อยู่รอดต่อไปถึงลูกหลาน ทุ่งน้ำนูนีนอยเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสร้างขึ้นใหม่ในปี 2561 ท่ามกลางนาระบบเหมืองฝายโบราณและปล่อยให้ธรรมชาติและสัตว์ป่าฟื้นตัวขึ้นมาเอง เพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ผลิตอาหารแล้ว

ทุ่งน้ำนูนีนอย ใช้วิธีบำบัดน้ำตามธรรมชาติ ด้วยการขุดบ่อน้ำหลายบ่อ และปล่อยให้น้ำที่เข้ามาจากลำเหมืองด้านนอกค่อยๆไหลผ่านลำน้ำที่มีพืชน้ำคอยกรอง ผ่านก้อนหิน ก้อนกรวด เพิ่มออกซิเจนตามธรรมชาติ ไหลไปเรื่อยๆ มาพักแต่ละบ่อ จนน้ำตกตะกอน ค่อยๆใสขึ้น จากน้ำขุ่นสีน้ำตาล ค่อยๆจางลง จนบ่อสุดท้ายสีเข้ม จากพืชสาหร่าย เป็นน้ำใส และเอาไปใช้เพื่อการเกษตรต่อไป  นอกจากนี้ยังแบ่งที่ดิน1 ไร่  ปลูกไม้ยืนต้น เปิดให้ชาวบ้านเข้ามาหาของป่าได้อย่างเสรี  คนแถวนั้นเรียกพื้นที่นี้ว่า “ป่าจอบ” 

ทุ่งน้ำนีนูนอย
นาข้าวเขียวขจี

การปลูกข้าวอินทรีย์เริ่มจากการเตรียมดิน ปลูกต้นกล้า พอต้นกล้าเจริญงอกงามได้ จ้างแรงงานในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยใหญ่ยี่สิบกว่าคนมาช่วยกันถอนกล้า เพื่อไปดำนาให้เสร็จภายในวันเดียวถือเป็นการสร้างงานและการกระจายรายได้ไปสู่คนในพื้นที่  ฝนแรกที่ตกลงมา ช่วยให้ต้นข้าวชุ่มชื้นและแข็งแรง ที่นาเพิ่งไถต้นถั่วฝังกลบในดิน ช่วยบำรุงดิน เพิ่มไนโตรเจน พี่จอบไม่เคยใช้ปุ๋ยเคมีใดๆ ใช้ความสมดุลของธรรมชาติมาจัดการเอง

ต้นข้าวปักดำได้เดือนกว่า เริ่มมีเพลี้ยไฟเข้ามากัดกิน สังเกตได้จากจุดน้ำตาลบนใบคล้ายรอยไหม้ ซึ่งปกติเพลี้ยจะเริ่มระบาดตอนต้นข้าวแข็งแรง ก็ไม่เป็นอันตราย หากเกิดตอนต้นข้าวยังโตไม่เต็มที่ ใบยังไม่แข็งแรง หากเป็นการทำนาแบบเก่า ก็จะใช้ยาฆ่าเพลี้ยฉีดพ่น เห็นผลทันที แต่พี่จอบใช้วิธีธรรมชาติ หนามยอกเอาหนามบ่ง ใช้สัตว์ตามธรรมชาติในที่นาอินทรีย์ช่วยกำจัดเพลี้ยไฟ  ต้นข้าวค่อยๆกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม

นาข้าวสวยที่สุดในไทย

รออีกสามสี่เดือน ข้าวอินทรีย์หอมมะลิรุ่นใหม่ก็พร้อมเก็บเกี่ยว นาอินทรีย์แห่งนี้ ไม่ใช้เครื่องจักรเกี่ยวข้าวซึ่งเป็นรถหนัก ทำลายหน้าดินและคันนาทุกครั้ง  และการใช้รถ ผลประโยชน์จะตกแก่นายทุนเจ้าของรถคนเดียว พี่จอบจึงจ้างแรงงานชาวบ้านมาเกี่ยวข้าวแทนการใช้รถเกี่ยวข้าว แม้จะทำให้มีต้นทุนแพงกว่าเกือบสามเท่า แต่ช่วยกระจายรายได้ให้กับชาวบ้านมากกว่าสิบครัวเรือน ที่สำคัญแรงงานมนุษย์เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ดีกว่าเครื่องจักร 

เกี่ยวข้าวเสร็จ รอตากข้าวให้แห้งอีกสามสี่แดด   เมื่อรวงข้าวแห้งสนิท จะนำไปปั่นแยกเอาเมล็ดข้าวออกมา เพื่อนำไปสีข้าวต่อ ส่วนฟางข้าวนำไปปูคลุมดิน ให้ย่อยสลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ฟื้นสภาพโครงสร้างดิน ก่อนทำนารอบต่อไป  ในปีนี้ พี่จอบได้ข้าวเปลือกหอมมะลิ 525 กก. / ไร่ ใกล้เคียงกับผลผลิตจากข้าวที่ใช้ปุ๋ยเคมีทั่วไป แต่ลดต้นทุนปุ๋ยและยากำจัดวัชพืช และยังรักษาคุณภาพหน้าดินด้วย นาข้าวแห่งนี้ มีผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร่วม 125 โล หรือ 31%    ผลผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามการฟื้นฟูคุณภาพดินที่มีชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ

ข้าวอินทรีย์หอมมะลิ

กว่า 3 ปีในบทบาทเกษตรกรผู้ผลิตอาหารอินทรีย์ ปลูกข้าวหอมมะลิ  ข้าวเหนียวพันธุ์ กข 6 ปลูกถั่วเหลืองอินทรีย์ สลับหลังเกี่ยวข้าวเพื่อบำรุงดิน  ปลูกกุหลาบ ผลิตชากุหลาบ แยมกุหลาบ ฯลฯ ภายใต้แบรนด์ นูนีนอย ปัจจุบันที่ดินผืนนี้มีความมั่นคงทางอาหาร และมีรายได้พอเลี้ยงดูตัวเองได้แล้ว 

หนุ่มเมืองจันท์ยกย่องว่า  ทุ่งน้ำนูนีนอย เป็นแปลงนาข้าวที่สวยที่สุดในเมืองไทย ข้าวนูนีนอยอร่อย และดีงามจริงๆ เพราะทำนาแบบอินทรีย์  100%  ดูแลใจใส่ทุกขั้นตอนการปลูก  ผลผลิตต่อไร่สูงไม่แพ้นาข้าวที่ใช้เคมีเลย สร้างแรงจูงใจให้ชาวนาแถบนี้เริ่มเปลี่ยนความคิดหันมาปลูกข้าวอินทรีย์กันมากขึ้น

ปลูกข้าวเหนียว

ข้าวกล้องและข้าวขาวของ “นูนีนอย” ไม่ใช่แค่ปลอดภัยจากสารเคมี  แต่หุงแล้วอร่อยมากขึ้น เพราะไม่ได้สีข้าวทีเดียวแล้วบรรจุถุงรอขาย แต่ใช้วิธีเก็บเป็นข้าวเปลือก  พอมีคนซื้อเท่าไรก็สีข้าวเท่านั้น  ”ข้าวสาร“ ที่ขายจึงเป็น “ข้าวใหม่”  อร่อยกว่าข้าวที่สีไว้นานๆ  แถมยังใส่ใจเรื่องคุณภาพการสีข้าว ปกติ เครื่องสีข้าวทั่วไปผลิตจากเหล็ก ใช้งานไปนานๆจะเป็นสนิม ทำให้เกิดการปนเปื้อนกับเมล็ดข้าว แต่เครื่องสีข้าวของที่นี่  ลงทุนใช้สแตนเลสแทนเหล็ก เพื่อป้องกันปนเปื้อน “ข้าวนูนีนอย” จึงไม่มีธาตุเหล็กที่มาจากสนิมของเครื่องสีข้าว

หลังจากสวมบทบาทเป็นเกษตรกรลงมือทำเกษตรอินทรียระยะเวลากว่า 3 ปี “พี่จอบ” ได้ตั้งข้อสังเกตว่า พวกทำเกษตรอินทรีย์ไม่ใช่พวกโลกสวย แต่ต้องใช้ความอดทนอย่างยิ่งกว่าจะสร้างผลิตผลที่มีคุณภาพออกมาได้ ความสุขของการทำเกษตรอินทรีย์ ไม่ได้อยู่ที่รายได้อย่างเดียว แต่เป็นความภาคภูมิใจที่สามารถสร้างอาหารดีๆให้กับคนจำนวนหนึ่งได้บริโภคแล้ว ยังช่วยชาวนาในท้องถิ่นที่เคยใช้สารเคมีมาตลอดชีวิต ได้เปลี่ยนความคิดหันมาทำเกษตรอินทรีย์มากขึ้น

ปลูกถั่วเหลือง

คนทำเกษตรอินทรีย์ ต้องมีความพร้อมด้านเงินทุนเพราะการทำเกษตรอินทรีย์มีต้นทุนสูงกว่าการทำเกษตรที่ใช้สารเคมี ปัญหาใหญ่สุดของเกษตรอินทรีย์คือการตลาด หากทำการตลาดได้ดี สามารถช่วยชดเชยกันได้เพราะสินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นสินค้าที่มีอนาคตเพราะมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้สินค้าจะมีราคาสูงกว่าท้องตลาดทั่วไป หากคนรุ่นใหม่มาทำเกษตรกรอินทรีย์อย่างจริงจังและมุ่งเจาะตลาดแบบออนไลน์ได้ สินค้าเกษตรอินทรีย์มีอนาคตแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบข่าว จาก FB: Nunienoi

Related Posts