ไม้ดอกไม้ประดับ
บอนสี ไม้ประดับทำเงินอีกชนิดหนึ่งที่ชวนให้หลงใหล ภายใต้เฉดสีอันฉูดฉาดสะดุดตา รวมถึงสายพันธุ์ที่มีให้เพาะเลี้ยงอย่างหลากหลาย ผลักดันให้ไม้ประดับสายพันธุ์นี้ยังคงได้รับความนิยมอยู่ในสังคมไทย การเพาะเลี้ยงพรรณไม้ตามความต้องการของตลาดนับเป็นใบเบิกทางไปสู่ความสำเร็จในตลาดไม้ประดับเมืองไทย บอนสีนับเป็นพรรณไม้อีกชนิดหนึ่งที่เกษตรกรเลือกให้ความสนใจเพาะเลี้ยง นอกจากจำหน่ายต้นพันธุ์เพียงอย่างเดียวแล้วการจำหน่ายเมล็ดบอนสีเพื่อให้ลูกค้านำไปเพาะขยายพันธุ์ด้วยตนเองก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าสายลุ้นว่าตนเองจะได้บอนสีลูกผสมชนิดใด มีเฉดสีที่แปลกแตกต่างออกไปหรือไม่ คุณพงษ์ศักดิ์ ผลมรุกต์ หรือ คุณปาล์ม หนุ่มร่างสูงโปร่ง นัยน์ตาชวนฝัน เกษตรกรเพาะเลี้ยงบอนสี อาศัยอยู่ที่บ้านถ้ำสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เล่าว่า ตนเองจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ แล้วได้ประกอบอาชีพเป็นพนักงานในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ภายหลังได้ตัดสินใจลาออกกลับมาประกอบธุรกิจส่วนตัวทำสวนทุเรียนของครอบครัวที่บ้านเกิดในจังหวัดชุมพร จนกระทั่งช่วงต้นปี พ.ศ. 2564 กระแสเพาะเลี้ยงไม้ประดับ โดยเฉ
ไม่ใช่เพียงการปลูกผักในบริเวณบ้านเท่านั้นที่จะถูกนำเสนอในคอลัมน์ เกษตรในเมือง แต่หมายถึงการปลูกพืชชนิดไหนก็ได้ ขอเพียงให้สามารถใช้ประโยชน์จากการปลูกทั้งในแง่ความมั่นคงทางอาหารหรือสุขภาพที่ได้บริโภคผักปลอดภัย หรือในแง่สันทนาการเพื่อความเพลิดเพลินสามารถคลายเครียดจากการทำงานในเมืองได้เป็นอย่างดี ไม้ดอกไม้ประดับส่วนใหญ่จะถูกปลูกไว้หน้าบ้านหรือในสวนข้างบ้านอยู่แล้ว จะมากจะน้อยแล้วแต่ความชอบกับความเหมาะสมของสถานที่ ภูมิอากาศสภาพแวดล้อมก็มีส่วนด้วย ตามข้อมูลของเฟิร์นสกุล Platycerium หรือชายผ้าสีดา ที่มีถิ่นกำเนิดตามธรรมชาติในประเทศไทยมีอยู่ 4 ชนิด คือ เฟิร์นหูช้าง เฟิร์นปีกผีเสื้อ ที่มีมากทางภาคเหนือและภาคอีสาน ส่วนเฟิร์นชายผ้าสีดาใต้ที่มีชายห้อยลงยาวกว่าชนิดอื่นและเฟิร์นเขากวางตั้งซึ่งมีชายตั้งตรงขึ้นไม่ได้ห้อยเหมือนชนิดอื่นพบในภาคใต้ ผู้เขียนเคยนำเฟิร์นทั้ง 4 ชนิดมาปลูกในภาคกลางปรากฏว่าเฟิร์นที่เติบโตได้ดีคือ เฟิร์นปีกผีเสื้อและเฟิร์นหูช้างของภาคเหนือและภาคอีสาน ส่วนเฟิร์นที่มาจากภาคใต้ คือเฟิร์นชายผ้าสีดาใต้และเขากวางตั้งปลูกค่อนข้างยาก เพราะตามถิ่นกำเนิดเดิมเฟิร์นเหล่านี้อยู่ในธรรมชาติที่
ปลูกดอกไม้กินได้ สร้างรายได้ครึ่งแสน ด้วยพื้นที่เพียง 30 ตารางวา “ดอกไม้กินได้” เป็นอีกหนึ่งผลผลิตทางการเกษตรที่ปัจจุบันตลาดกำลังไปได้กว้าง เพราะในกลุ่มลูกค้าร้านอาหารและคาเฟ่ ไม่ได้รังสรรค์อาหารที่รสชาติดีเพียงอย่างเดียว แต่ยังใส่ใจในเรื่องของรูปลักษณ์และความสวยงามมากขึ้น จึงทำให้ทุกเมนูไม่เพียงมีความอร่อยเพียงเท่านั้น แต่ยังถูกถ่ายทอดด้วยสีสันสวยงาม และถูกลูกค้าถ่ายภาพพร้อมกับลงผ่านทางช่องออนไลน์ออกไปในช่องทางต่างๆ ช่วยให้ความสวยงามของดอกไม้กินได้ที่นำมาประดับตกแต่งนั้น เป็นตัวช่วยชั้นดีที่เพิ่มสีสันจึงเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง คุณเม-เมชญา นาควิสุทธิ์ ได้เล็งเห็นโอกาสจากการสร้างรายได้จากการปลูกดอกไม้เพียงไม้เพื่อผ่อนคลายเท่านั้น และเมื่อมีลูกค้าติดต่อเข้ามาขอซื้ออยู่เสมอ จึงใช้พื้นที่รอบบ้านเพียง 30 ตารางวา ปลูกดอกไม้หลากหลายชนิด พร้อมเรียนรู้การทำตลาดออนไลน์ จนทุกวันนี้นอกจากทำตลาดจำหน่ายในพื้นที่แล้วยังส่งไปทั่วประเทศอีกด้วย ดอกไม้ นอกจากความสวย ยังช่วยผ่อนคลาย จนเกิดรายได้ คุณเม เล่าย้อนกลับไปเมื่อครั้งโควิด-19 เข้ามาระบาดในประเทศไทยว่า ช่วงนั้นทำงานรับออกแบบ ทำให้งา
ใครที่เป็นสายแค็กตัสเลิฟเวอร์ ต้องรู้จัก สวน “แคคตัสลุงเหน่” พระราม 2 ของ คุณจิ๊บ-สุนทรียา ฮวบดี และสวน “แคคตัสป้าหนุ่ย คลอง 11” ปทุมธานี ของ คุณนิ่ม-ปฏิมา ศรีนวล 2 สาวอดีตพนักงานออฟฟิศที่หลงใหลในแค็กตัสตั้งแต่สมัยเรียน เริ่มสะสม เรียนรู้นิสัยของแต่ละสายพันธุ์ ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง สู่งานอดิเรกสร้างรายได้หลักหมื่น จนกลายเป็นอาชีพหลักสร้างรายได้หลักแสน โดยจุดเด่นของสวน “แคคตัสลุงเหน่” และสวน “แคคตัสป้าหนุ่ย คลอง 11” นอกจากจะขายแค็กตัสหลากหลายสายพันธุ์ในราคาย่อมเยาแล้วยังส่งต่อความจริงใจกับลูกค้า เพราะหากต้นไหนรากยังไม่แข็งแรง จะไม่นำออกมาขายให้ลูกค้าเด็ดขาด และนับเป็นโอกาสดีที่คุณจิ๊บและคุณนิ่มยินดีส่งต่อความรู้และประสบการณ์กว่า 20 ปี คุณจิ๊บ เล่าถึงที่มาที่ไปของการเข้าสู่วงการแค็กตัสว่า ด้วยความที่คุณปู่คุณย่าทำสวนส้มมาก่อน แต่พอมารุ่นคุณพ่อคุณแม่ก็เปลี่ยนอาชีพ แต่ด้วยความรักต้นไม้อยู่ในสายเลือด จึงทำให้ชอบปลูกต้นไม้โดยเฉพาะแค็กตัส ซื้อมาประดับบ้านตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมศึกษา ด้วยราคาที่หาซื้อได้ง่าย 5 บาท 10 บาท ก็เลยเลี้ยงแบบทิ้งๆ ขว้างๆ แต่พอเริ่มทำงานออฟฟิศก็นำแค็กตัสมาเลี้ยงที่โต๊
ปีนี้ร้อนกว่าทุกปีที่ผ่านมา บ้านไหนที่มีแพลนกำลังจะทำสวน หาไม้เลื้อย ตกแต่งบ้าน ทำซุ้มบังแดด สร้างร่มเงา วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้าน รวม 6 พันธุ์ไม้เลื้อย ที่ทั้งถึก ทน โตไว มาให้แล้ว แต่ละสายพันธุ์ล้วนมีจุดเด่นที่ชวนหลงใหล แต่จะมีสายพันธุ์ไหนบ้างต้องไปดู ไม้เลื้อยจะเจริญเติบโตแบ่งออกเป็น 2 ประเภท เลื้อยเบนเข้าหาแสง ด้วยการใช้พลังงานน้อยที่สุด จะเป็นการเติบโตแบบยืดยาวเข้าหาแสงแทนที่จะใช้พลังงานจำนวนมากในการสร้างเนื้อไม้ ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่ใช้เป็นโครงสร้างในการทรงตัว เลื้อยเบนออกจากแสง กลไกการเลื้อยแบบนี้ จะพยายามงอกไปในทิศทางที่ไม่มีแสง โดยกิ่งก้านจะงอกไปถึงโคนต้นไม้ และปีนขึ้นไปบนยอดไม้ที่สว่างกว่าอย่างรวดเร็ว ไม้เลื้อยนั้นสามารถรับประโยชน์ได้จากสภาพแวดล้อม 2 แบบ คือ จากการหยั่งรากลงดินในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เป็นหย่อมๆ บริเวณที่มีดินน้อยหรือไม่มีเลย และยังสามารถรับประโยชน์จากแสงสว่าง โดยใบจะเจริญเฉพาะในบริเวณที่โล่ง หรือมีแสงแดดส่องถึงเป็นช่วงๆ ได้ 1. ม่านบาหลี มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเขตร้อนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นไม้เลื้อยอายุหลายปี ลำต้นมีรากพิเศษแตกตามข้อเป็นเส้นสีแดงยาวห้อยลง
มนุษย์เกิดมาถูกบีบบังคับด้วยสัญชาตญาณของการดิ้นรนและต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากสังคมปัจจุบัน หนึ่งในมวลนั้นมี คุณอาทิตย์ กิ่งแก้ว หนุ่มใหญ่วัย 62 ปี ผู้กำลังก้าวเข้าสู่ประตูสูงวัย อยู่บ้านเลขที่ 1614/189 หมู่ที่ 6 ตำบลท้ายบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ คุณอาทิตย์ประกอบอาชีพค้าขายเหมือนคนอื่นทั่วไป ประสบความสำเร็จพอสมควร ประกอบกับการเป็นคนมีวิสัยทัศน์ก้าวไกลต่อระบบนิเวศทั่วไป รักสวยรักงามต่อการเพาะปลูกต้นไม้ด้วยใจรัก ไม่ว่าจะเป็นไม้ประดับ ไม้ดอก หรือบอนสี ที่คุณอาทิตย์รักมากจึงทุ่มเททุกอย่างเพาะปลูกในยามว่าง ประกอบกับมีใจรักการเกษตรเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว จึงดูแลเอาใจใส่อย่างทะนุถนอมเป็นอย่างดีในการบำรุงรักษา เหตุนี้ ด้วยเป็นคนมีใจรักเป็นทุนเดิมก่อนแล้ว คุณอาทิตย์จึงตัดสินใจปลูกไม้ประดับ บอนสีไทยโบราณในพื้นที่ส่วนตัว โดยใช้พื้นที่ตรงชายคาบ้านที่พักอาศัยยาว 13 เมตร กว้าง 1.20 เมตร รวมพื้นที่ชายคาบ้าน 19.50 ตารางเมตร มาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นแปลงเพาะปลูกบอนสีและไม้ประดับ ตามปกติทั่วไปรอบบ้านพักอาศัยจะมีพื้นที่ชายคากว้างประมาณ 1.20-1.50 เมตร เทคอนกรีตเดิมไว้แล้ว แต่เมื่อเราจะเอาพื้นท
ลูกมะพร้าวที่หล่นจากต้น จนมีหน่องอกออกมา เพื่อรอการเจริญเติบโตเป็นต้นใหญ่ จัดอยู่ในประเภทถูกคัดทิ้งไว้ตามร่องสวน ตามบ้านเรือนอย่างไร้ค่า แต่สำหรับคุณลุงสำเร็จ คลังนาค อายุ 65 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน ชาว ต.คุ้งพะยอม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี กลับคิดต่างมุม ไปเก็บลูกมะพร้าวที่ออกหน่อนำมาปอกเปลือกให้เหลือแต่กะลา โผล่หน่อกับรากไว้ เพื่อนำไปปลูกเพาะเลี้ยงในกระถาง เป็นบอนไซมะพร้าวไม้ประดับบ้านเพื่อความสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ เริ่มต้น คุณลุงสำเร็จ จะไปหาเก็บผลมะพร้าวงอก หรือบางทีมีคนรู้จักเก็บมาให้เพื่อนำมาปอกเปลือก ขุดเนื้อหุ้มกะลาออกให้หมด เหลือหน่อกับราก จากนั้นก็นำไปล้างน้ำขัดถูกกับกระดาษทรายให้ผิวเรียบ ก่อนจะนำไปทาแล็กเกอร์ยูรีเทน ให้ดูผิวสวยป้องกันการแตกร้าว แล้วนำไปปลูกเลี้ยงในกระถางช่วงระยะหนึ่ง ก็จะได้บอนไซมะพร้าว ตามรูปทรงที่ตนเองจินตนาการ ส่งขายให้กับผู้นิยมชื่นชอบเลี้ยงไม้บอนไซ โดยการทำบอนไซมะพร้าวถือเป็นงานอดิเรกที่ทำอยู่กับบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัยสามารถทำได้ จนปัจจุบันได้ตั้ง “ชมรมคนรักบอนไซมะพร้าวแห่งประเทศไทย” ขึ้น ขั้นตอนการปลูกทำง่าย ๆ ใช้ดินขุยไผ่ผสมเปลือกมะพร้าวสับเป็นชิ
เฮลิโคเนีย (Heliconia) เป็นไม้ที่นิยมนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการนำมาเป็นไม้ตัดดอกเพื่อปักแจกัน หรือถ้าต้องการที่จะปลูกให้เป็นไม้พุ่ม บางบ้านก็จะนำมาปลูกใส่กระถางตกแต่งบ้านเรือน หรือปลูกลงดินเป็นแนวรั้วตามกำแพงได้ด้วยเช่นกัน ไม้ชนิดนี้ถือเป็นพืชอวบน้ำยืนต้น ที่มีลำต้นใต้ดิน เรียกว่า เหง้า ส่วนลำต้นที่อยู่เหนือดินขึ้นมา เรียกว่า ต้นเทียม ที่มีส่วนประกอบขอบต้น ใบ และเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะมีช่อดอกแทงออกมากกลางลำต้น ดอกเฮลิโคเนีย แต่ละสายพันธุ์ก็จะมีเอกลักษณ์และรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไป พร้อมทั้งมีสีสันที่สวยสะดุดตา และที่สำคัญการออกดอกมีตั้งแต่ช่อดอกตั้งหรือห้อยแล้วแต่ชนิด ด้วยความพิเศษนี้เอง คุณณรงค์ แช่มช้อย เกษตรกรจังหวัดปราจีนบุรี ได้นำดอกเฮลิโคเนียมาขยายพันธุ์จนมีมากกว่า 10 สายพันธุ์ สร้างเป็นสินค้าที่ส่งจำหน่ายได้ทั้งในและต่างประเทศ คุณณรงค์ เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนที่สวนแห่งนี้ดั้งเดิมทำไม้ผลและปลูกไผ่ตงเพื่อสร้างรายได้ ต่อมาในพื้นที่ไผ่ตงเกิดออกดอกและตายหมด จึงทำให้เกษตรกรในพื้นที่ได้หันมาปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ต่อมาเขาได้สนใจที่จะนำเฮลิโคเนียเข้ามาปลูกอยู่หล
ดอกไม้แสนสวยที่มีสีสดสวย และมีกลิ่นหอม นอกจากใช้ประดับเพิ่มความงามให้กับบ้านแล้ว ยังเป็นสมุนไพรมากคุณค่าอีกด้วย ตัวอย่างไม้ดอก ที่เป็นสมุนไพรที่ช่วยดูแลสุขภาพที่พบเจอกันได้บ่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น 1.ปีบ หรือกาสะลอง ต้นไม้สูง ออกดอกขาวโพลนทั้งต้น กลิ่นหอมโชยตามลมอย่างต้นปีบนี้ ไม่ได้แค่สวยและหอมอย่างเดียว เพราะดอกของต้นปีบ ใช้เป็นสมุนไพรในการแก้โรคหอบ หืด ได้โดยการนำดอกมามวนสูบ 2.เบญจมาศ ดอกไม้ที่เป็นไปด้วยกลีบเล็กๆ อัดซ้อนกันจนแน่นอย่างเบญจมาศนี้ ไม่ได้แค่สวยอยู่แต่ในแจกันเท่านั้น เราสามารถนำดอกและใบมาคั้นเป็นยาสมุนไพร ใช้สำหรับรักษาบาดแผล หรือจะนำไปต้มดื่มรักษาโรคนิ่ว โรควัณโรค และโรคที่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง 3.บุนนาค ไม้ดอกกลีบบางน่าทะนุถนอม กลายเป็นสมุนไพรช่วยบำรุงเลือด ทำเป็นยาหอม รักษาอาการร้อนอ่อนเพลีย 4.บานเย็น ไม้ดอก ที่ดอกไม่บานตอนเช้า กว่าจะได้ยลโฉมก็ต้องรอบ่ายไปแล้ว นำดอกที่ได้มาคั้นเอาแต่น้ำ แล้วนำไปผสมน้ำดื่ม เป็นยาสมุนไพรที่ใช้สำหรับอาการกระอักเลือด และอาเจียนเป็นเลือด 5.บัวหลวง ดอกไม้บูชาพระ สวย สะอาด บริสุทธิ์ นอกจากจะสวยดึงดูดสายตาแล้ว ยังมีสรรพคุณเป็นสมุนไพรบำรุงหัวใจ โด
ด้วยสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงแห้งแล้งกันดารขาดแหล่งน้ำ ชาวบ้านมีทางเลือกเดียวคือปลูกพืชเชิงเดี่ยว เป็นอาชีพหลัก ได้แก่ ข้าวโพด มันสำปะหลัง และยางพารา แต่ทว่าปัญหาหนี้สินก็พอกพูนขึ้นทุกวัน สำหรับสมาชิกกลุ่มเกษตรกรบ้านท่าศาลา ตำบลท่าศาลา อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย กระทั่งปี 2563 กรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยสำนักงานสหกรณ์จังหวัดเลยเข้าไปช่วยเหลือดำเนินการสนับสนุน ขุดสระน้ำเพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำภายใต้โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินและพัฒนาอาชีพให้กับสมาชิกสหกรณ์ตามนโยบายของกรมส่งเสริมสหกรณ์ จากนั้นคณะกรรมการกลุ่มเกษตรกรบ้านท่าศาลาหารือร่วมกับทีมงานเจ้าหน้าที่สหกรณ์จังหวัดเลย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อสรุปว่าจะส่งเสริมอาชีพปลูกกุหลาบตัดดอกให้กับสมาชิก เนื่องจากเป็นไม้ดอกที่ปลูกง่าย ไร้โรคแมลงรบกวน ที่สำคัญความต้องการของตลาดสูงมาก จึงเป็นที่มาของแปลงนำร่องต้นแบบปลูกกุหลาบตัดดอกสายพันธุ์ฮอลแลนด์และฮังการี ของ นายอัศวิน ศรีบุรินทร์ เลขานุการกลุ่มเกษตรกรบ้านท่าศาลา บนเนื้อที่ 4 ไร่ ไร่ละ 1,000 ต้น เมื่อปลายปี 2563 ปัจจุบันเก็บเกี่ยวผลผลิตตัดดอกทุกวัน มีรายได้เฉลี่ยวันละ 5,000-20,000 บาท โดยมีพ่อค้าทั้ง