ไม้ดอกไม้ประดับ
“ชวนชม” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Adenium obesum เป็นไม้ที่จัดอยู่ในวงศ์ Apocynaceae ลักษณะของลำต้นเป็นสีเขียว มีความสูงมากไปถึง 6 ฟุต ในส่วนของใบมีลักษณะแข็ง ผิวใบมีลักษณะที่เงามีเส้นเดินกลางใบที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ไม้ชนิดนี้นอกจากจะปลูกเป็นไม้ประดับแล้ว ยังมีการจัดทรงต้นและรากที่มีเอกลักษณ์พิเศษ นอกจากตั้งโชว์ภายในบ้านเรือน ยังมีการจัดงานประกวดกันอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เวทีการประกวดเป็นช่องทางให้ผู้สนใจรายใหม่ได้เข้ามาศึกษาการปลูกและการพัฒนาสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง คุณเรณู แฝงสุธา อยู่บ้านเลขที่ 223/241 หมู่ที่ 1 ตำบลชะแมบ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นอีกหนึ่งท่านที่ชื่นชอบการปลูกชวนชม โดยสายพันธุ์ที่เธอพัฒนาจะเป็นชวนชมเขาแกะเป็นหลัก โดยพัฒนาลูกไม้ใหม่อยู่เสมอ พร้อมมีการทำรากใหม่ให้กับไม้ จึงทำให้ชวนชมภายในสวนโดดเด่นมีเอกลักษณ์ จึงทำให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศเข้ามาติดต่อซื้ออยู่เสมอ จากพนักงานบริษัท ผันตัวเข้าสู่วงการชวนชม คุณเรณู เล่าให้ฟังว่า ช่วงแรกทำงานบริษัท แต่ด้วยความชอบในชวนชม ในระหว่างนั้นจึงหาซื้อเข้ามาปลูกอยู่เป็นระยะ แต่เมื่อเวลาผ่านมาเรื่อยๆ ไม้ที่เก็บสะสมได้ท
คัดเค้า จัดอยู่ในพันธุ์ไม้ดอกหอม ให้กลิ่นหอมแรงในตอนกลางคืน ถิ่นกำเนิดอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระจายพันธุ์ถึงอาฟริกาเขตร้อน นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป การปลูกคัดเค้าให้สวยงามต้องคอยตัดแต่งทรงพุ่มสม่ำเสมอ เนื่องจากเป็นไม้ที่มีการแตกกิ่งก้านสาขามาก และไม่มีรูปทรงที่แน่นอน มีคุณค่าทางสมุนไพร ลำต้น มีรสเฝื่อนฝาด แก้เสมหะ แก้ไข้ เปลือกต้น รสฝาด ปิดธาตุแก้เสมหะ แก้โลหิตซ่าน ส่วนใบ มีรสเฝื่อนเมา ดอก รสขมหอม แก้โลหิตในกองกำเดา ด้านผล มีรสเฝื่อนปร่า ขับโลหิตประจำเดือนเสีย บำรุงโลหิต บำรุงผิวให้ผ่องใส และราก มีรสฝาด แก้ไข้ แก้ท้องเสีย แก้เลือดออกตามไรฟัน คัดเค้า มากคุณค่า นอกจากนี้ ดอกสวย มีกลิ่นหอมแล้ว คัดเค้ายังมีข้อดีอื่นๆ ได้แก่ 1.เป็นพันธุ์ไม้ที่มีหนามแหลมคมมาก สามารถใช้ปลูกเป็นแถวเพื่อทำรั้วป้องกันคนหรือสัตว์ผ่านได้ 2.ดอกมีกลิ่นหอมแรงและออกดอกพร้อมๆ กันเกือบทั้งต้น เวลาออกดอกจะสวยงามมาก 3.ต้องการน้ำไม่มากในการเจริญเติบโต 4.เป็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกได้ดีทั้งที่มีแดดจัดเต็มวัน และแดดปานกลาง (ครึ่งวัน) ได้ดีชนิดหนึ่ง. ………….. ชื่ออื่นๆ:
ต้องเล่าก่อนว่า ธุรกิจด้านการเกษตรทุกวันนี้มีหลากหลาย แต่การปลูกดอกไม้กินได้ก็เป็นอีก 1 ทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากทุกวันนี้ในบ้านเรามีการเติบโตของคาเฟ่ และร้านอาหารเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก การที่เป็นเกษตรกรขายดอกไม้กินได้ให้กับคาเฟ่ ร้านอาหาร และโรงแรมที่ต้องการนำดอกไม้ไปประดับตกแต่งกับอาหารให้ดูน่ากินมากขึ้น คุณแขก-กรฎา รำพึงวงษ์ เกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในการปลูกดอกไม้กินได้ส่งขายตามโรงแรมและร้านอาหาร โดยเริ่มต้นจากการที่จบวิชาจัดการทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุณแขกถือเป็นรุ่นแรกที่ทางมหาวิทยาลัยมีโครงการฝึกเป็นเกษตรกร โดยมีให้เลือกพื้นที่ในแต่ละจังหวัด คุณแขกได้เลือกพื้นที่ของอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ในการเริ่มฝึกในครั้งนี้ โดยพื้นดินที่เหมาะจะปลูกจะเป็นประเภทพืชสวนครัว จุดเริ่มต้นของอาชีพทางการเกษตร คุณแขก เล่าว่า เริ่มจากการที่คิดว่าพื้นที่ 2 ไร่ ไม่พอสำหรับการทำธุรกิจด้านการเกษตร เลยได้เริ่มลงทุนเช่าพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ เพื่อทำการผลิตผัก และต่อมาได้เริ่มจ้างแรงงานเข้ามาช่วย แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ โชคดีที่ยังมีครอบครัวเข้าใจและสนับสนุนให้กำลังใจอยู่เ
รักเร่ (ภาคกลาง) ชื่อสามัญ Dahlia ชื่อวิทยาศาสตร์ Dahlia pinnata Cavanilles วงศ์ COMPOSITAE ถิ่นกำเนิดมาจากอเมริกากลาง รักเร่ จัดอยู่ในกลุ่มของไม้ดอกที่มีความสวยเป็นอมตะ เริ่มตั้งแต่ ความงามของกลีบดอกที่มีทั้งกลีบหลอด กลีบซ้อน กลีบเดี่ยว สีสันของดอกก็ละลานตา ก้านดอกแข็งแรง ทนทาน จึงเป็นไม้ดอกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในต่างประเทศ นิยมปลูกรักเร่เป็นไม้ประดับสวน มีดอกชูช่ออวดสีสันหลากหลายสี สวยงามประทับใจแบบไม่รู้ลืมเลยทีเดียว ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลุก มีหัวอยู่ใต้ดิน ลำต้นตรง ใบ : ใบประกอบออกตรงข้ามกัน ใบย่อยสีเขียวเข้ม ตรงปลายใบจะแหลม ขอบใบจักเป็นซี่ฟันแกมฟันเลื่อย ดอก : ดอกช่อแบบเดียวกับเบญจมาศและทานตะวัน มีสีเกือบทุกสี เช่น ม่วง แดง ชมพู ส้ม เหลือง ขาว หรือมี 2 สี ในดอกเดียวกัน ผล : ผลแห้งจะมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน แบน มีผิวเกลี้ยง เมล็ด : มีลักษณะเป็นรูปไข่ การขยายพันธุ์ รักเร่ สามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง ต่อกิ่ง ใช้ราก ต้นจะโทรมเมื่อดอกบานเต็มที่แล้ว แต่จะมีรากที่เป็นหัวในดิน ขุดและชำเพื่อให้เจริญเป็นต้นกล้
ดาหลา เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดบริเวณป่าร้อนชื้น นิยมปลูกมากในภาคใต้ของประเทศไทย ดาหลาถือเป็นดอกไม้ที่อยู่คู่กับคนไทยมาเป็นระยะเวลานาน เช่น หลักฐานจากวรรณคดีเรืองลิลิตพระลอ ถูกแต่งขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นต้น ปัจจุบันสามารถพบดาหลาได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย สามารถพบได้ทั้งในธรรมชาติ และพบตามอาคารบ้านเรือน สวนสาธารณะ หรือการปลูกเพื่อจำหน่าย แต่จะพบได้มากทางภาคใต้ เพราะคนในภาคใต้นำดาหลามาใช้ประโยชน์มาตั้งแต่ในอดีตแล้ว เพราะด้วยสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย เช่น ใช้ขับลม แก้ปวดหัว ต้านมะเร็ง โรคเกาต์ ดาหลาจัดเป็นไม้ล้มลุก มีลำต้นหรือเหง้าอยู่ใต้ดิน เหง้านี้จะเป็นบริเวณที่เกิดของหน่อดอก และหน่อต้น ส่วนลำต้นเหนือดินเป็นกาบใบที่โอบซ้อนกันแน่นคล้ายข่า เรียกว่าลำต้นเทียม โดยลำต้นเทียมที่อยู่เหนือดินจะมีสีเขียวเข้มสูงประมาณ 2-5 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวมีลักษณะคล้ายใบข่า เป็นรูปทรงยาวเรียว ไม่มีก้านใบ ใบเป็นสีเขียวเข้มเป็นมันผิวใบเกลี้ยง ดอกออกเป็นดอกเดี่ยวเป็นช่องอกขึ้นจากเหง้าใต้ดิน ส่วนกลีบดอกจะหนา ผิวเรียบเป็นมันวาวคล้ายพลาสติก กลีบดอกด้านนอกมีขนาดใหญ่ แล้วค่อยๆ ลดขนาดลงเข้าสู่ด้านใน ตรงศูนย
หลายคนปลูกปทุมา มาแล้วหลายปี แต่ประสบปัญหา การผลิตหัวพันธุ์ปทุมาไม่ได้คุณภาพ เกิดโรคหัวเน่าเข้าทำลาย จนไม่สามารถใช้ขยายพันธุ์ต่อไปได้ ไม่ว่าจะพยายามปรับปรุงวิธีการปลูกมาแล้วหลายครั้งก็ตาม แต่ไม่ประสบความสำเร็จ หากใครเจอปัญหาดังกล่าว หมอเกษตร ทองกวาว มีคำตอบในการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้ โรคพืชของปทุมา ปทุมาเป็นพืชอ่อนแอต่อโรคหัวเน่าหรือโรคเหี่ยวที่เกิดจากการเข้าทำลายของเชื้อแบคทีเรีย จึงนับว่าเป็นอุปสรรคสำคัญในการส่งหัวพันธุ์ออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ อาการของโรคระยะแรกพบว่า ใบแก่ที่ส่วนล่างห่อม้วนเป็นหลอดคล้ายการขาดน้ำ หน่อที่เกิดใหม่คล้ายมีรอยช้ำ ต่อมาต้นจะหักพับลงและเน่าตายในที่สุด เมื่อผ่าหัวออกจะเห็นเป็นเนื้อแก้ว มีกลิ่นเหม็น โรคนี้มักระบาดรุนแรงในฤดูฝน และสามารถแพร่ระบาดไปยังแปลงปทุมาที่ปลูกในบริเวณใกล้เคียง หรืออาจปนเปื้อนไปกับหัวพันธุ์ได้ วิธีป้องกันและกำจัดโรค วิธีป้องกันกำจัดโรคทำได้ไม่ยาก คือไม่นำหัวพันธุ์จากแหล่งปลูกที่เป็นโรคหัวเน่ามาปลูก การเลือกพื้นที่ปลูก ต้องไม่เคยปลูกพริก มะเขือเทศ ยาสูบ มันฝรั่ง ผักโขม ขิง และข่า มาก่อน ไถพรวนและตากดินฆ่าเชื้อโรคอย่างน้อย
“กล้วยไม้สกุลช้าง” มีหลายชนิดมากในบ้านเรา เช่น ช้างแดง, ช้างเผือก, ช้างกระ, ช้างพลาย, ช้างค่อม, ช้างส้ม, ช้างการ์ตูน ฯลฯ และมีการพัฒนาลูกไม้ใหม่ๆ ลูกผสมขึ้นอยู่เสมอ พอเข้าสู่ฤดูหนาว ราวเดือนพฤศจิกายน ช้างก็จะเริ่มแทงช่อดอกออกมาแล้ว ดอกจะเริ่มบานได้เดือนธันวาคม – เดือนมกราคม ของทุกปี ส่วนการออกดอกจะมากหรือน้อยนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าถ้าอากาศเย็นมากช้างก็จะออกดอกแทงช่อดี กล้วยไม้สกุลช้าง มีการเจริญเติบโตแบบฐานเดี่ยว มีลักษณะแตกต่างไปจากกล้วยไม้สกุลอื่นๆ คือ มีลำต้นสั้น แข็งแรง ใบแข็ง หนาค่อนข้างยาว อวบน้ำ เรียงชิดกันอยู่บนลำต้น ใบเป็นร่อง หน้าตัดของใบรูปตัววี สันล่างของใบเห็นได้ชัด ใบอาจมีเส้นใบเป็นเส้นขนานสีจางๆ หลายๆ เส้นตามความยาวของใบ ปลายใบหยักมน หรือเป็นฟันแหลมไม่เท่ากัน รากเป็นระบบรากอากาศ มีขนาดใหญ่ แขนงรากใหญ่ ปลายรากมีสีเขียวซึ่งสามารถปรุงอาหารด้วยวิธีสังเคราะห์ด้วยแสงได้ ช่อดอกอาจห้อยลงหรือตั้งขึ้น ความยาวของช่อดอกเกือบเท่าๆ กับความยาวของใบ ดอกมีเป็นจำนวนมาก แน่นช่อดอก กลีบนอกและกลีบในของดอกแผ่ออก อาจมีจุดหรือไม่มีจุด สีม่วงหรือสีน้ำเงินก็ได้ ขนาดของกลีบนอกโตกว่ากลีบใน เส้าเกส
ไม้ดอกไม้ประดับนอกจากปลูกเพื่อความสวยงามแล้ว กระแสในเรื่องของการนำมาประดับอาหารหรือประดับบนขนมก็ได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน เพราะด้วยสีสันสวยงามที่มีความหลากหลาย เมื่อนำมาประดับตกแต่งแล้ว ช่วยเพิ่มสีสันชวนมองชวนทานไม่น้อยทีเดียว ซึ่งดอกไม้ที่นำมาตกแต่งนั้น นอกจากปลูกเพื่อความสวยงาม ยังสามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้กับผู้ปลูกได้อีกหนึ่งช่องทาง คุณสิรินทร์ กล้วยพนาวัน เลขานุการบริษัท ได้นำความชอบจากการที่ปลูกดอกไม้มาสร้างอาชีพเสริม โดยเธอได้ปลูกไม้ดอกหลายชนิด อยู่ ณ เลขที่ 219/122 ซอยประชาชื่น 37 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ด้วยการเช่าพื้นที่แห่งนี้นำมาทำสวนไม้ดอกกินได้ จากที่ต้องการทำเพื่อเป็นสถานที่ให้ลูกได้เล่นในวันหยุด แต่กลับทำเงินให้กับเธอได้ดีทีเดียว โควิด-19 เป็นเหตุ จึงเกิดงานทางเกษตร คุณสิรินทร์ เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันยังคงมีงานประจำทำอยู่ เป็นเลขาอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน สถานการณ์โควิด-19 ในช่วงนั้นค่อนข้างมีการระบาด จึงทำให้เธอต้องทำงานอยู่ที่บ้าน (Work From Home) มากขึ้น ด้วยความที่ไม่ได้ออกไปไหนและเห็นลูกๆ ที่พักอยู่ในคอนโดฯ เล่นแต่โทรศัพท์มือถื
เบญจมาศ เป็นไม้ดอกล้มลุก มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีนและญี่ปุ่น ถ้าแบ่งตามลักษณะการใช้ประโยชน์ก็จะแบ่งได้เป็นเบญจมาศที่ปลูกเพื่อตัดดอกกับเบญจมาศที่ปลูกเพื่อเป็นไม้กระถาง ในปัจจุบันมีการพัฒนาพันธุ์ของเบญจมาศกระถางกันมากมาย นอกจากความหลากหลายสีสันแล้ว ยังมีความหลากหลายในลักษณะของรูปทรงดอกอีกด้วย และการแตกทรงพุ่มและการเจริญเติบโตของเบญจมาศกระถางก็ยังมีความแตกต่างกัน โครงการพัฒนาบ้านโปงตามพระราชดำริ เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ได้เสด็จพระราชดำเนิน ทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ที่บ้านโปง ในปี พ.ศ. 2527 ด้วยทรงทราบว่าราษฎรชาวบ้านโปงมีการอนุรักษ์ป่าและต้นน้ำลำธารเป็นอย่างดี เนื่องจากบริเวณแถบนี้เป็นแหล่งต้นน้ำของห้วยโจ้ ซึ่งจะไหลไปรวมกันเป็นแม่น้ำแม่ปิง จึงได้มีพระราชดำริให้มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดหาพืชพรรณที่เหมาะสมในการปลูกเลี้ยงมาให้ชาวบ้านแม่โปง เพื่อจะได้มีอาชีพเป็นหลักเป็นฐานโดยไม่ต้องไปรบกวนแหล่งต้นน้ำลำธาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยฝ่ายพัฒนาเกษตรที่สูง สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร จึงได้รับสนองพระราชดำริโ
ชวนชม เป็นพรรณไม้ที่ได้รับความนิยมกันมากในกลุ่มที่ชื่นชอบการสร้างจินตนาการ การจัดตกแต่งรูปทรงของต้นชวนชมที่ต้องใช้เวลาทะนุถนอมกันมานานมากกว่าการปลูกพืชอื่นๆ เพื่อให้เกิดความสวยงามในรูปแบบของตนเอง ทั้งในด้านทรงต้น ราก กิ่งก้าน ด้วยเหตุผลที่ว่าชวนชมเป็นไม้มงคลที่สวยงาม การปฏิบัติดูแลรักษาง่าย ทนต่อความแห้งแล้ง คือไม่ต้องรดน้ำมาก เพราะเป็นพืชอวบน้ำ เลี้ยงง่าย เป็นพืชที่ชื่นชอบเฉพาะกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ที่จังหวัดเชียงใหม่มีผู้ที่นิยมชมชอบความสวยงามของต้นชวนชมอยู่หลายราย มีการจัดการประกวดชวนชมอยู่บ่อยครั้ง ทั้งในงานบุปผชาติ งานมหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ งานประกวดเฉพาะต้นชวนชม ผู้เขียนได้พบกับ คุณเกรียงไกร ไชยพิเศษ ทำงานประจำที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช แต่มีใจรักการปลูกชวนชม จึงได้ร่วมมือกับ คุณพงษ์ชัย ไชยพิเศษ พี่ชายที่ทำงานที่สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร เขต 6 เชียงใหม่ เริ่มต้นปลูกต้นชวนชมที่สวนบ้านดอนปิน ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เวลาประมาณ 3 ปี มีต้นชวนชมทั้งขนาดใหญ่และต้นเล็กที่กำลังขยายพันธุ์ลูกผสมจำนวนมากเต็มพื้นที่ จึงได้ขยายพื้นที่ออกไปปลูกที่บ้านของตนเองท