ไม้ดอกไม้ประดับ
สมาคมไม้ประดับแห่งประเทศไทย กระทุ้งกระทรวงเกษตรฯ เร่งยื่นคัดค้านต่างชาติฉกจดสิทธิบัตร”ลิ้นมังกร” เป็นพันธุ์พืชในสหรัฐ-อียูซ้ำรอย “จัสมินไรซ์” ผู้ประกอบการหวั่นไทยสูญเสียตลาดส่งออกไม้ประดับเบอร์ 2 รศ.ดร.สุรวิช วรรณไกรโรจน์ นายกสมาคมไม้ประดับแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้สมาคมได้ทำหนังสือถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เร่งดำเนินการปกป้องสิทธิพันธุ์พืช “ต้นลิ้นมังกร” (Sansevieria cylindrica “Boncel”) ซึ่งพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปของไทย หลังจาก Johannes Wilhelmus Maria Scheffers ชาวเนเธอร์แลนด์ได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรพันธุ์พืชนี้ที่สำนักงาน Community Plant Variety Office (CPOV) ในสหภาพยุโรปตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 จากก่อนหน้านี้ที่บุคคลดังกล่าวได้ยื่นจดคุ้มครองสิทธิบัตรพันธุ์พืชนี้ไปแล้วในสหรัฐ (Sansevieria cylindrica “SAN201202”) เมื่อเดือนกันยายน 2557 ส่งผลกระทบทำให้ผู้ส่งออกไทยไม่สามารถส่งออกลิ้นมังกรไปยังตลาดสหรัฐได้ ขณะที่การเพิกถอนสิทธิบัตรทำได้ยาก และมีค่าใช้จ่ายสูงทำให้ไทยต้องเสียตลาดส่งออกพันธุ์พืช
ผู้สื่อข่าวสืบทราบว่ามีเกษตรกรในจังหวัดพัทลุง ปลูกดอกหน้าวัวขาย มีรายได้จำนวนมากเลี้ยงครอบครัว จึ่งเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง โดยผู้สื่อข่าวพบกับ นายอธิคม ขุนแก้ว เกษตรกรวัย 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 426 หมู่ที่ 6 ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง สมาชิกยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ สำนักงานเกษตรจังหวัดพัทลุง เกษตรกรผู้ปลูกดอกหน้าวัว นายอธิคม กล่าวว่า ดอกหน้าวัว เป็นไม้ตัดดอกที่นิยมปลูก และขายกันมากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ มีหลากหลายสี และมีสีสันสดใส ไม่เหี่ยวง่าย สามารถประดับได้นาน 15-20 วัน นิยมนำมาจัดแจกัน จัดซุ้มประดับตามโรงแรม จัดซุ้มประดับงานในวาระสำคัญต่างๆ ซึ่งเป็นไม้ดอกที่ตลาดมีความต้องการสูง เป็นอาชีพที่น่าลองอีกอาชีพหนึ่ง ซึ่งตนได้ใช้พื้นที่ 100 ตารางวา ปลูกดอกหน้าวัวเมื่อปี 2558 จำนวน 500 ต้น โดยใช้พันธุ์ดวงสมร ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ทนทานต่อโรค นายอธิคม เล่าว่า การปลูกดอกหน้าวัวเป็นงานที่ไม่ยากและไม่ง่าย ถ้าคิดจะปลูกต้องมีใจรัก เริ่มแรกให้ปรับพื้นที่ให้เรียบ ปูพื้นด้วยทรายขี้เป็ด หนา 10 เซนติเมตร เนื่องจากทรายขี้เป็ดจะเป็นตัวเก็บความชื้นได้ดี ทำหลังคามุงด
จากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีความฝืดเคือง หรือเรียกว่ายุคข้าวยากหมากแพง อาจทำให้หลายๆ คนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่ายในชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกติดขัดในเรื่องของสภาพความคล่องตัวทางการเงินมิใช่น้อย ส่งผลให้เกิดสภาวะหนี้สินมากขึ้น แต่ในทางกลับกันก็ยังมีผู้คนอีกไม่น้อยที่พยายามมองหาอาชีพเสริม เพื่อเพิ่มรายได้ให้มีมากขึ้นสำหรับพอใช้จ่ายเพื่อให้ตนเองเกิดหนี้สิน แม้จะเป็นเงินเพียงเล็กน้อยอาจไม่มากเท่ากับงานประจำที่ทำ แต่ก็ทำด้วยใจรักจสามารถเป็นงานที่สร้างเงินได้ เหมือนเช่น คุณวรินดา สุวรรณทอง อยู่บ้านเลขที่ 351 ถนนเลียบคลองมอญ แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร คุณวรินดา สาวอินดี้ผู้รักความอิสระ เล่าให้ฟังว่า ปัจุบันตัวเธอทำงานเป็นสาวออฟฟิศ แต่มีความชอบในเรื่องของการปลูกต้นกระบองเพชร มาตั้งแต่ ปี 2551 สมัยเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ซึ่งแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญในช่วงนั้นคือ ได้ศึกษาวิธีการปลูกเลี้ยงตามโซเชียลมีเดียต่างๆ “เหตุที่ปลูกต้นกระบองเพชร เพราะว่าช่วงนั้นซื้อมาเพื่ออยากเอาไว้ถ่ายรูป เพราะดูแล้วมันสวยดี คราวนี้พอดูๆ ไป เห็นว่าเอ้ย! มันก็สวยแปลกกว่าไม้อื่น ก็เลยชอบ แล้วก็ปลูกมาเรื่อยๆ ซื้อตาม
หมากผู้หมากเมีย จัดเป็นไม้ประดับชนิดหนึ่งที่เป็นทรงพุ่ม ซึ่งมีลักษณะสีสันของใบสวยงามหลากหลายสีสัน ลำต้นมีความสูงประมาณ 1-3 เมตร เป็นข้อถี่ๆ ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงเวียนสลับรอบลำต้น แผ่นใบมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ใบรูปหอกเรียวยาว แต่ที่เป็นจุดเด่นคือสีของใบที่มีสีสันสวยงามหลากหลาย เช่น สีม่วง สีน้ำตาล สีเขียวอ่อน สีแดง สีชมพู เป็นต้น คนไทยสมัยโบราณมีคติความเชื่อที่ว่า หากบ้านใดปลูกหมากผู้หมากเมียไว้ประจำบ้านจะทำให้อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งหากต้องการให้มีความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรปลูกหมากผู้หมากเมียไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและปลูกในวันอังคาร นอกจากจะปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับตกแต่งบ้านเรือนแล้ว ยังนิยมตัดใบของหมากผู้หมากเมียใช้ในการประกอบในงานพิธีต่างๆ เช่น ใช้เป็นเครื่องบูชาพระ งานขึ้นบ้านใหม่ งานแต่งงาน เป็นต้น คุณณรงค์ สาลีรัตน์ อยู่บ้านเลขที่ 39/1 หมู่ที่ 6 ตำบลบางน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรที่มีความรู้เรื่องหมากผู้หมากเมียตัวระดับตัวยงเลยก็ว่าได้ เพราะพื้นที่ในย่านนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นแหล่งกำเนิดไม้ประดับชนิดนี้ เพราะมีทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์ที่
หมากแดง เป็นพรรณไม้ที่มีลักษณะเด่นตรงที่มีหน่อกาบใบ และก้านใบเป็นสีแดงทั้งหมด ซึ่งลักษณะของลำต้นเหมือนกับพวกปาล์มทั่วไปคือ เป็นข้อปล้อง เปลือกต้นสีน้ำตาลเรียบ มีกาบใบห่อลำต้นเป็นสีแดงสด ลำต้นสูงประมาณ 15 ฟุต ใบ เป็นใบรวม ก้านทางใบจะประกอบด้วยใบหลายใบ ทางใบมีความยาวประมาณ 3-4 ฟุต ส่วนใบย่อยเรียงยาวประมาณ 18 นิ้ว มีสีเขียว ซึ่งลักษณะของใบคล้ายกับปาล์มทั่วไป แต่มีสิ่งที่สวยสะดุดตากว่าปาล์มชนิดอื่นคือ ก้านใบและก้านทางใบเป็นสีแดงสด ดอกของหมากแดงออกเป็นช่ออยู่ตามข้อของต้นใต้กาบใบ มีความยาวประมาณ 1-2 ฟุต เมื่อดอกร่วงโรยจะติดผลที่มีขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วเขียวหรือใหญ่กว่าเล็กน้อย ผลเมื่อแก่แล้วจะเป็นสีดำ จึงนิยมนำเมล็ดมาเพาะเพื่อขยายพันธุ์ แต่หมากแดงสามารถขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อมาทำการปักชำได้อีกด้วย หมากแดงเป็นพรรณไม้ที่ชอบอยู่ที่ร่มรำไร ไม่ชอบแสงแดดจัด เพราะถ้าถูกแดดตลอดทั้งวันจะทำให้สีแดงจางไป มองดูไม่สวยงาม และที่สำคัญควรปลูกหมากแดงในดินร่วนปนทราย เก็บความชื้นได้ดี เพราะหมากแดงต้องการน้ำมาก ไม่ชอบความแห้งแล้ง คุณดนัย ปัญจพิทยากูล เกษตรจังหวัดสมุทรปราการ ให้ข้อมูลว่า “จังหวัดสมุทรปราการนับว่
หว้า เป็นพันธุ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลแก่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีคำขวัญประจำจังหวัดดังนี้คือ “เขาวังคู่บ้าน ขนมหวานเมืองพระ เลิศล้ำศิลปะ แดนธรรมะ ทะเลงาม” แต่ละท่อนของคำขวัญมีความหมาย ดังนี้ เขาวังคู่บ้านเป็นโบราณสถานเก่าแก่คู่เมืองเพชรบุรี อยู่บนยอดเขาใหญ่ 3 ยอด เดิมเรียกว่า “เขาสมน” พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพอพระราชหฤทัยที่จะสร้างพระราชวังสำหรับเสด็จแปรพระราชฐานขึ้นบนยอดเขาแห่งนี้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งในขณะนั้นเป็นพระสมุหกลาโหมเป็นแม่กองก่อสร้างจนสำเร็จเรียบร้อย เมื่อ ปี พ.ศ. 2403 ได้พระราชทานนามว่า พระนครคีรี แต่ชาวเมืองเพชรเรียกกันติดปากว่า “เขาวัง” สืบมาจนบัดนี้ พระนครคีรี มีพระที่นั่ง พระตำหนัก วัด และกลุ่มอาคารต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบนิโอคลาสสิกผสมสถาปัตยกรรมจีน ขนมหวานเมืองพระ ขนมหวานเป็นสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับเพชรบุรี คนทั่วไปรู้จักขนมหม้อแกงเมืองเพชร ตลอดจนขนมหวานหลากหลายชนิด ส่วนเคล็ดลับของความอร่อยนั้นมาจาก “น้ำตาลโตนด” ผลผลิตจากต้นตาลซึ่งในอดีตปลูกกันมาก แต่ปัจจุบันนั้นการปลูกต้นตาลในเพชรบุ
ยมหิน เป็นพันธุ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลแก่จังหวัดแพร่ ซึ่งมีคำขวัญประจำจังหวัดคือ หม้อห้อม ไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม โดยแต่ละท่อนของคำขวัญมีความหมายดังนี้ “หม้อห้อม” เป็นภาษาพื้นเมือง เป็นการรวมคำ ระหว่าง คำว่า “หม้อ” กับ “ห้อม” ซึ่งคำว่า หม้อ หมายถึง ภาชนะชนิดหนึ่ง ส่วน คำว่า ห้อม หมายถึง พืชชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ต้นห้อม หรือต้นคราม ซึ่งจะให้สีน้ำเงินหรือกรมท่าในการย้อมผ้า “ผ้าหม้อห้อม” เป็นของดีเลื่องชื่อของเมืองแพร่ ที่มีชื่อเสียงมานาน หม้อห้อม เป็นผ้าพื้นเมืองที่ชาวแพร่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่นำเอาลำต้นและใบของห้อม (พืชล้มลุกในตระกูลคราม) มามัดและหมักในหม้อตามกรรมวิธีโบราณ ทำให้ได้น้ำสีกรมท่าหรือสีน้ำเงิน เสื้อหม้อห้อมมีลักษณะเป็นเสื้อคอกลม แขนสั้น ผ่าอกตลอด มักย้อมสีนํ้าเงินเข้มหรือดำ เขียนเป็น “ม่อห้อม” หรือ “ม่อฮ่อม” ก็มี หม้อห้อมเป็นเครื่องแต่งกายพื้นบ้านของไท ตั้งแต่ไทลื้อ ในสิบสองปันนา ลาวในประเทศลาว และไทล้านนาทางภาคเหนือของไทย ไม้สัก จังหวัดแพร่ ได้ชื่อว่ามีความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้สักมากแห่งหนึ่
เกษตรกรหลายรายในพื้นที่ ต.วัดพริก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ใช้พื้นที่ไร่นาหันมาปลูกดอกดาวเรือง สามารถสร้างรายได้ดี เผยเคล็ดลับการปลูกต้องเลือกพันธุ์ดอกดาวเรืองให้เหมาะกับฤดูฝนช่วงนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรหลายรายในพื้นที่ ต.วัดพริก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ใช้พื้นที่ไร่นาหันมาปลูกดอกดาวเรือง สามารถสร้างรายได้ดี เผยเคล็ดลับการปลูกต้องเลือกพันธุ์ดอกดาวเรืองให้เหมาะกับฤดู ลักษณะของดอกจะมีขนาดใหญ่ คุณภาพดี และให้ดอกต้นละ 100-120 ดอก ทำให้มีกำไรเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ด้านการตลาด มีพ่อค้าแม่ค้าจากปากคลองตลาดมารับซื้อดอกดาวเรืองถึงที่ โดยนางวรนุช ไพรฤทธิ์ อยู่บ้านเลขที่ 130/1 หมู่ 3 บ้านยางโทน ต.วัดพริก อ.เมือง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า “ตอนนี้ทำ 9 ไร่ ปกติทำแค่ 2-3 ไร่ ตอนนี้ขยายเป็น 9 ไร่ มีแม่ค้าที่กรุงเทพฯต้องการมากขึ้น ตลาดบ้านเราจะอยู่ประมาณ 3 ไร่ วันหนึ่งจะเก็บได้เป็น 10,000 ดอก ขายเป็นร้อยละ มีตั้งแต่ดอกใหญ่ ร้อยละ 90 บาท ดอกเล็กร้อยละ 50 ถือว่าเป็นรายได้ที่ดีมาก เมื่อก่อนทำไร่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จึงหันมาปลูกดอกดาวเรือง เป็นอาชีพที่ดีที่สุด ตอนนี้ก็ทำมา 8 ปี เพื่อนบ้านที่ทำนาทำไร่ ก็เริ่มหันมาปลูกดา
ม.แม่โจ้ ร่วมกับ สวก.และ วช. เปิดตัว “ปทุมมาสายพันธุ์ใหม่: อนาคตตลาดส่งออกไม้ตัดดอกของไทย” เพิ่มทางเลือกให้เกษตรกรและผู้ประกอบการ สร้างรายได้เข้าประเทศกว่าปีละ 200 ล้านบาท เมื่อเร็วๆนี้สถาบันบ่มเพาะวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) และสำนักงานคณะกรรมวิจัยแห่งชาติ (วช) จัดสัมมนาเปิดตัวเทคโนโลยีปทุมมาสายพันธุ์ใหม่ ผลสำเร็จงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งเป็นผลงานของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เฉลิมศรี นนทสวัสดิ์ศรี และคณะ โดยมี นางสาวกุลวรา โชติพันธุ์โสภณ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร เป็นประธานในพิธี ณ ห้องประชุม 203 ชั้น 2 ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมนานาชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ นางสาวกุลวรา โชติพันธุ์โสภณ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวว่า สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก.และสำนักงานคณะกรรมวิจัยแห่งชาติ (วช) มีภารกิจหลักในการสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อส่งเสริมพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านเกษตร ทั้งงานวิจัยเชิงพาณิชย์ เชิงสาธารณะ และเชิงนโยบาย ตลอดจนการผลักดันงานวิจัยเหล่าน
“ปทุมมา..ดอกไม้แห่งฤดูฝน” ด้วยความสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์ ลักษณะคล้ายดอกทิวลิป จนได้รับการขนานนามว่า “ทิวลิปแห่งสยาม (Siam Tulip)” และเป็นไม้ดอกที่มีการส่งออกเป็นอันดับ 2 รองจากกล้วยไม้ นับว่าเป็นไม้ดอกล้ำค่าอีกชนิดหนึ่งของประเทศไทยที่ควรอนุรักษ์ไว้ และในฐานะที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เป็นอุทยานแห่งการเรียนรู้ด้านพรรณไม้และความหลากหลายทางชีวภาพจึงได้รวบรวมสายพันธุ์ปทุมมา จำนวน 40 สายพันธุ์อาทิ เชียงใหม่พิงค์ เรดเชิ้ต เชียงรายสโนว์ ทับทิมสยาม ไข่มุกสยาม ลัดดาวัลย์ สโนว์ไวท์ ยูคิ มรกต ช็อคโกแลต ซากุระ บิ๊กเรด ทวิสเตอร์ แดงดอยตุง บ้านไร่สวีท บ้านไร่เบอร์กันดี้ CMU มิราเคิล CMU Sweet lady นีกาตะ Golden Reign ฯลฯ โดยได้เริ่มเพาะหัวพันธุ์ปทุมมา จำนวน 30 สายพันธุ์ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา และได้นำหัวพันธุ์ปทุมมาจากสถานีเกษตรหลวงปางดะ จำนวน 3 สายพันธุ์ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนหัวพันธุ์ปทุมมา จาก ศูนย์บริการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวนอีก 7 สายพันธุ์ เพื่อนำมาจัดแสดงในงาน “ชมสวนฤดูฝน (Rainy Season)” ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมตลอดช่ว