กรมวิชาการเกษตร (กวก.)
ถั่วเหลืองนับเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญในประเทศและมีความต้องการทางตลาดสูง ดังนั้นถั่วเหลือง จึงเป็นพืชที่มีอนาคตสำหรับเกษตรกร นอกจากเป็นพืชทำเงินสร้างรายได้ให้แล้ว ยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้เกิดความสมดุลของธาตุอาหาร ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น ถั่วเหลืองเป็นพืชอายุสั้น ใช้น้ำน้อย เกษตรกรสามารถปลูกถั่วเหลืองได้ปีละ 2 ครั้งคือ ช่วงฤดูฝน ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เก็บเกี่ยวผลผลิตประมาณเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน และการผลิตถั่วเหลืองฤดูแล้ง ในเดือนธันวาคม-กลางเดือนมกราคม และเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ของปีถัดไป การผลิตถั่วเหลืองของประเทศไทยมีผลผลิตโดยเฉลี่ย 267 กก./ไร่ ที่ผ่านมา กรมวิชาการเกษตรร่วมมือกับกรมส่งเสริมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และบริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกถั่วเหลืองแบบคาร์บอนต่ำ ( low carbon ) ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศ โดยเฉพาะคาร์บอนไดออกไซด์ สามารถยกระดับผลผลิตถั่วเหลืองได้มากกว่า410 กก./ไร่ นอกจากช่วยเพิ่มรายได้แล้ว ยังช่วยเกษตรกรเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมคาร์บอ
“ หงส์เหิน” เป็นไม้ดอกที่มีศักยภาพทางการตลาดทั้งในประเทศและส่งออก ที่ผ่านมา คนไทยนิยมนำดอกหงส์เหินไปบูชาพระ จัดแจกัน และจัดกระเช้าดอกไม้สด เนื่องจากหงส์เหินมีอายุการใช้งานมากกว่า 7 วัน ประกอบกับเป็นไม้ดอกที่มีรูปทรงดอกที่แปลกตา ปัจจุบันผู้ซื้อต่างประเทศเช่น ญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ สนใจสั่งซื้อหัวพันธุ์หงส์เหินไปผลิตและจำหน่าย หงส์เหินเป็นพืชในวงศ์ขิงข่ากระจายพันธุ์ในเขตร้อนชื้นและกึ่งร้อนพบในพื้นที่ป่ากระจายทุกภาคของประเทศไทย หัวพันธุ์มีลักษณะเป็นแบบเหง้าสั้น ช่อดอกออกจากปล้องปลายสุดของลำต้นเป็นช่อดอกแบบช่อกระจะแยกแขนง ดอกมีลักษณะคล้ายหงส์ ออกดอกในเดือนกรกฎาคม ซึ่งตรงกับเทศกาลเข้าพรรษาจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “ดอกเข้าพรรษา” เดิม ดอกหงส์เหิน สามารถปลูกได้เพียงปีละครั้ง คือปลูกช่วงเดือน เมษายน –พฤษภาคม และออกดอกช่วงเดือน มิถุนายน–สิงหาคม กรมวิชาการเกษตร โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ เล็งเห็นความสำคัญของไม้ดอกชนิดนี้ จึงได้สำรวจและรวบรวมหงส์เหินจำนวน 20 สายพันธุ์ ทำการคัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้ตัดดอกโดยใช้เกณฑ์คัดเลือก คือ สีของช่อดอกสดใส ความยาวช่อดอกไม่น้อยกว่
“สวนคุณช้าง” ของ นายสวัสดิ์ วัฒนชัย เป็นต้นแบบการผลิตมะม่วง Good Agricultural Practices (GAP) ส่งออกรายใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยสวนแห่งนี้ ได้รับการรับรอง GAP ครั้งแรกในปี 2553 และมีการต่ออายุการรับรองแปลง GAP เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน สวนคุณช้างนับเป็นเกษตรกรกลุ่มแรกๆ ที่เริ่มการผลิตมะม่วงคุณภาพส่งออกไปต่างประเทศ โดยทำสัญญากับบริษัทส่งออกเพื่อส่งผลผลิตจำหน่ายไปยังประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีเป็นหลัก “สวนคุณช้าง” ดูแลใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต สวนคุณช้างมีเนื้อที่ปลูกมะม่วงจำนวน 254 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ที่นี่ปลูกพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองจำนวน 10,000 ต้น และพันธุ์มหาชนกจำนวน 10,000 ต้น โดยมีระยะปลูก 6×2 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ ปลูกมะม่วงได้ 133 ต้น ซึ่งเป็นระยะที่เหมาะสมที่สุดในการจัดการสวนมะม่วง สามารถนำเครื่องจักรกลเกษตร เช่น แอร์บลาสต์ แทรกเตอร์ รถตัดหญ้า รถบดกิ่งมะม่วง เข้ามาทำงานได้สะดวก ช่วยประหยัดเวลา และลดแรงงานในการฉีดพ่นสารเคมี ทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิตและมีรายได้เพิ่มขึ้น ปรับปรุงคุณภาพดินต่อเนื่อง เดิมทีสวนคุณช้างมีลักษณะเป็นดินทราย ที่ผ่านก
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า มังคุด 1 ใน 10 ผลไม้ที่คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ๊ตบอร์ด) สั่งให้เพิ่มศักยภาพเพื่อผลักดันส่งออก โดยตลาดหลักที่ไทยส่งออกมังคุดอันดับ 1 คือจีน มีสัดส่วน 94%ของการส่งออกทั้งหมด ปี 2567 คาดผลผลิตมังคุดจะมีประมาณ 281,000 ตัน เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนหน้า นายอนุสรณ์ เทียนศิริฤกษ์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยปฐพีวิทยา กรมวิชาการเกษตร(กวก.) กล่าวว่า มังคุดส่วนใหญ่ปลูกในภาคใต้ มีพื้นที่ปลูกรวม 209,452 ไร่ ส่วนภาคตะวันออกและภาคกลาง มีพื้นที่ปลูกรวม 198,303 ไร่ ดินที่เหมาะสมมีเนื้อดินร่วนปนทราย ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีความสูงจากระดับทะเลปานกลางไม่เกิน 650 เมตร ความลาดเอียงของพื้นที่ในระดับ 1-3 % แต่ไม่ควรเกิน 15% หน้าดินมีความลึกมากกว่า 50 เซนติเมตร ส่วนระดับน้ำใต้ดินลึกมากกว่า 1.5 เมตร ดินมีความสามารถในการระบายน้ำและอากาศดี ความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของดินประมาณ 5.5-6.5 ค่าการนำไฟฟ้าของดิน 0-2 เดซิซีเมนส์ต่อเมตร มีปริมาณอินทรียวัตถุสูง 3% ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์15-45 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และปริมาณโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ 50-100 มิลล
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร (กวก.) เปิดเผยว่า ฤดูกาลผลิต 2567/2568 คาดผลผลิตมันสำปะหลังจะมีผลผลิตและผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาหัวมันสดที่เกษตรกรขายได้อยู่ในเกณฑ์ดีและเป็นพืชที่ทนแล้ง จึงจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น ล่าสุด กรมวิชาการเกษตรเร่งดำเนินโครงการผลิตท่อนพันธุ์ต้านทานโรคใบด่างมันสำปะหลัง หน่วยงาน สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน เป้าหมาย ปีที่ 1 จำนวนท่อนพันธุ์ 200,000 ลำ ในพื้นที่ 100 ไร่ ในพื้นที่ 13 ศูนย์วิจัย ได้แก่ ศูนย์วิจัยพืช และในปีที่ 2 จำนวนท่อนพันธุ์ 800,000 ลำ โดยดำเนินการภายใต้ 2 กิจกรรม คือ กิจกรรมที่ 1 การขยายท่อนพันธุ์ทันสำปะหลังพันธ์ต้านทานโรคใบด่างพันธ์ และกิจกรรมที่ 2 การศึกษาความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมในแหล่งปลูกของมันสำปะหลังพันธุ์ต้านทานโรค ด้านนายอนุสรณ์ เทียนศิริฤกษ์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยปฐพีวิทยา กองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า เพื่อลดต้นทุน เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ให้เป็น 3 เท่า ภายใน 4 ปี ตามนโยบายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมน