การปลูกกุหลาบ

“มีเทน” เป็นองค์ประกอบหลักของแก๊สธรรมชาติโดยมีสัดส่วนประมาณ 75% แก๊สมีเทนมีคุณสมบัติไวไฟ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาหรือดมกลิ่น จึงต้องใช้อุปกรณ์จำเพาะที่เรียกว่า “แก๊สเซ็นเซอร์” ตรวจสอบการมีอยู่ของแก๊สชนิดนี้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดการรั่วไหล ซึ่งแก๊สเซ็นเซอร์คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบและวัดระดับของแก๊สในอากาศหรือในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยเซ็นเซอร์จะทำการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของความเข้มข้นของก๊าซที่ต้องการวัด ซึ่งมักใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน เช่น การวัดด้วยไฟฟ้า ความร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมี การวิจัยและพัฒนาเซ็นเซอร์ให้มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือจึงมีความจำเป็น ปัจจุบันแก๊สเซ็นเซอร์ชนิดสารกึ่งตัวนำโลหะออกไซด์ได้ถูกพัฒนาอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีการตอบสนองต่อแก๊สที่สูง มีความคุ้มค่า สามารถใช้งานในระยะยาว และง่ายต่อการขึ้นรูป งานวิจัยโดย ดร.ยิ่งยศ ภู่อาภรณ์ ส่วนวิจัยด้านพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า และสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน และคณะ ได้ใช้เทคโนโลยีสปัตเตอริง* และไฮโดรเทอมอล ผลิตฟิล์มซิงค์ออกไซด์แท่งนาโนสำหรับประกอบเป็นวัสดุเซนเซอร์ตรวจวัดแก๊สมีเทน และใช้แสงซินโคร

นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการศูนย์ภูฟ้าพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดน่าน ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรบนพื้นที่สูง ส่งเสริมอาชีพ เป็นศูนย์รวบรวมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ศึกษาวิจัยถ่ายทอดองค์ความรู้การพัฒนาและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีกรมชลประทานเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดำเนินโครงการ และมีการบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นรวม 13 หน่วยงาน โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีการดำเนินกิจกรรมในด้านการศึกษา ทดสอบ สาธิต และแหล่งเรียนรู้ ด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี ขยายผล และพัฒนาอาชีพ ด้านการพัฒนาทรัพยากร และโครงสร้างพื้นฐาน ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านอื่นๆ ได้แก่ การประสานงาน อำนวยการ ติดตามความก้าวหน้า โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาให้เกษตรกร จำนวน 127 ราย ในพื้นที่ทรงงาน 1,800 ไร่ และพื้นที่ขยายผล 6 หมู่บ้าน (บ้านนากอก บ้านห่างทางหลวง บ้านผาสุก บ้านสบมาง บ้านห้วยล้อม และบ้านห้วยลอย) และอีก 2 อำเภอ (อำเภอบ่อเกลือ และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ) จากการติดตามประเมินผลโครงการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 25

นายไพฑูรย์ สีลาพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9 สงขลา (สศท.9) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจที่จังหวัดยะลาให้การส่งเสริมเป็นสินค้ามูลค่าสูง เนื่องจากเป็นไม้ผลที่นิยมบริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดย “ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา” หรือ Sa-Ded Nam Yala หรือ Durian Sa-Ded Nam Yala เป็นสินค้าอัตลักษณ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 ปลูกบนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งแต่ 100 เมตรขึ้นไป ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัดยะลา สภาพแวดล้อมที่ห้อมล้อมด้วยผืนป่า ภูเขา สายน้ำ แร่ธาตุในดิน จึงส่งผลให้คุณภาพของทุเรียนในพื้นที่แตกต่างจากแหล่งอื่น คือ เนื้อทุเรียนแห้ง ไม่แฉะ รสชาติหวานมัน เส้นใยน้อย คุณภาพดี ด้านสถานการณ์การผลิตทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา ปี 2567 พบว่า มีเนื้อที่ยืนต้น 96,234 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 91ของเนื้อที่ปลูกทั้งจังหวัด เนื้อที่ให้ผล 66,788 ไร่ ผลผลิตรวม 76,739 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 1,149 กิโลกรัม/ไร่ เกษตรกรปลูกทั้งหมด 5 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์หมอนทอง พันธุ์ก้

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 ณ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช – ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ พบปะเกษตรกรอย่างใกล้ชิด ภายในงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูการผลิตใหม่ (Field day) พร้อมเร่งติดตามความก้าวหน้าด้านการพัฒนาภาคการเกษตรในพื้นที่ ด้านการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) นำโดย นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการ และคณะผู้บริหาร กยท. ได้ร่วมติดตามคณะรัฐมนตรีเกษตรฯ พร้อมส่งเสริมการพัฒนาอาชีพของเกษตรกรชาวสวนยาง ผ่านการนำเสนอนิทรรศการเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านยางพาราแก่ชาวสวนยาง ศ.ดร.นฤมล เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคายางพาราที่ปรับตัวลดลงว่า รัฐบาลตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร และไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะภาวะราคายางตกต่ำที่ได้รับผลกระทบ ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจโลกและปัจจัยด้านการค้า อย่างกรณีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ จึงได้เร่งดำเนินการเชิงรุกผ่านการจัดตั้งคณะกรรมการควบคุมยาง ซึ่งประกอ