การเพาะเลี้ยงแหนแดง
การทำเกษตรแบบผสมผสาน ไม่มีคำจำกัดความ ไม่มีกติกา หรือกฎตายตัวว่าต้องเป็นพืชชนิดใด เลี้ยงสัตว์ชนิดใด ทั้งนี้ เพราะแต่ละพื้นที่และท้องถิ่นมีสภาพทางธรรมชาติที่แตกต่างกัน การผสมผสาน ขอให้ยึดหลัก สร้างความร่มรื่นให้พืชหลายชนิดที่ปลูกอยู่ในพื้นที่เดียวกัน มีการเกื้อกูลกันทางธรรมชาติให้มากที่สุด และสำคัญที่สุดคือผู้ปลูกต้องได้ประโยชน์มากที่สุด แล้วยังสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดย คุณสุดชดา สุดสิริ บ้านเลขที่ 17/3 หมู่ที่ 6 ตำบลนาท่ามใต้ อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง เป็นอีกท่านหนึ่งที่สนใจการทำเกษตรผสมผสานพึ่งพาตนเองที่ยั่งยืน แล้วตั้งใจเดินตามแนวทางนี้ เลือกมาทำการเกษตรแบบผสมผสาน เพราะทำด้วยใจรัก ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก ทำตามความฝันของตนเองและสามี เพื่อเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายของครอบครัว เพื่อเป็นแหล่งอาหารให้ตนเองและชุมชน เป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่เกษตรกรที่สนใจและสมาชิกในกลุ่ม นำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสมาชิกต่อไป เพื่อแบ่งปันผลผลิตที่ได้ให้เพื่อนบ้าน มีความรัก มีความสามัคคี ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง และเพื่อได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัยไร้สารพิษ การจัดสรรแบ่งพื้นที่การเกษตร ด้านพืชผัก ปลูกไม
แหนแดง สามารถไปทดแทนปุ๋ยยูเรียได้ในขณะที่ปุ๋ยมีราคาแพง และไม่ต้องกังวลในเรื่องของปุ๋ยปลอม แหนแดงเหมาะใช้ผสมกับดินปลูกเพื่อทำเกษตรอินทรีย์ แหนแดงสามารถนำไปเป็นอาหารสัตว์ได้ด้วย กินได้ทั้งสดและแห้ง ควบคู่ไปกับอาหารเม็ด หรือผสมกับฟางข้าวหรือหญ้าแห้งก็ได้ เพราะองค์ประกอบของแหนแดงมีโปรตีนสูง ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ มีอะมิโนแอซิดครบทุกตัว จึงเหมาะที่จะเป็นอาหารสัตว์ ในช่วงหน้าแล้งขาดแคลนหญ้าอาหารสัตว์ เกษตรกรสามารถใช้แหนแดงสดหรือแห้งผสมกับฟางแห้งหรือหญ้าแห้ง สัตว์ก็จะได้อาหารที่มีคุณภาพดี เกษตรกรสามารถเพาะเลี้ยงแหนแดงโดยเลี้ยงในบ่อน้ำตื้น ประมาณ 4-5 เซนติเมตร แหนแดงจะไม่มีวันขาดแคลน เก็บเกี่ยวได้ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะแหนแดงจะเจริญเติบโตและขยายตัวไปได้เรื่อยๆ แหนแดง” พืชน้ำมหัศจรรย์ เปรียบเหมือนโรงงานผลิตปุ๋ย ใช้ปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์ ทำเกษตรอินทรีย์ ช่วยลดต้นทุน แหนแดง เป็นพืชตระกูลเฟิร์นชนิดลอยน้ำ เจริญเติบโตลอยอยู่บนผิวน้ำที่ที่มีน้ำขังในเขตร้อนและเขตอบอุ่น แหนแดงที่พบอยู่ทั่วโลกมีอยู่ด้วยกัน 7 ชนิด ในประเทศไทยมีอยู่เพียงชนิดเดียว คือ อะซอลล่า พินนาต้า (Azolla pinnata) แหนแดง มีอยู่มา
คุณอำพล จินดาวงค์ ประมงจังหวัดอุดรธานี ให้ข้อมูลว่า ภายในจังหวัดอุดรธานี มีการเลี้ยงสัตว์น้ำที่เป็นแปลงใหญ่อยู่ 2 ชนิด คือ ปลาดุกและปลาตะเพียน พร้อมทั้งมีแหล่งเลี้ยงปลากระชังอยู่ภายในเขื่อน โดยเกษตรกรที่มีบ่อน้ำขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประมง มีอยู่ประมาณ 20,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่มีการเลี้ยงปลาเพื่อเป็นการยังชีพ ซึ่งการเลี้ยงด้วยวิธีนี้การประหยัดต้นทุนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเกษตรกรจะซื้ออาหารสำเร็จรูปมาเลี้ยงเพียงอย่างเดียวไม่ได้ จึงได้เห็นความสำคัญของการลดต้นทุนการผลิต ทำให้มีการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงแหนแดงเข้ามาลดต้นทุนในการเลี้ยงปลาของเกษตรกร และผลผลิตที่เหลือเกษตรกรยังสามารถจำหน่ายให้เกิดรายได้อีกหนึ่งช่องทาง “แหนแดงถือว่าเป็นแหล่งอาหารที่ดีมากของปลากินพืช จึงทำให้สำนักงานประมงจังหวัดอุดรธานีเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้ส่งเสริมการเลี้ยงอย่างจริงจัง มีการบรรยายความรู้ การสาธิตการขยายพันธุ์แหนแดง เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงการเลี้ยงแหนแดงได้อย่างเต็มที่ โดยสายพันธุ์ที่เรานำมาส่งเสริมให้เกษตรกรนั้น เป็นแหนแดงสายพันธุ์ Azolla microphylla เป็นสายพันธุ์ที่กรมวิชาการเกษตรพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมา เ