การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19
ระยอง – เอสซีจี เคมิคอลส์ เดินเคียงข้างบุคลากรทางการแพทย์และชุมชนให้ผ่านวิกฤตโควิด 19 นี้ไปด้วยกันอย่างต่อเนื่อง โดยเล็งเห็นว่าอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน หรือ อสม. เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่ช่วยเหลือและดูแลชุมชนในพื้นที่ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด 19 ดังนั้น เพื่อช่วยยกระดับความปลอดภัยให้กับ อสม. ในพื้นที่ 5 เทศบาล จ.ระยอง ได้แก่ เทศบาลเมืองมาบตาพุด เทศบาลตำบลบ้านฉาง เทศบาลตำบลเนินพระ เทศบาลตำบลทับมา และเทศบาลตำบลมาบข่าพัฒนา เอสซีจี เคมิคอลส์ จึงได้ส่งมอบ “ชุดยกการ์ด อสม.” ประกอบด้วยอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 อาทิ หน้ากากอนามัย สเปรย์แอลกอฮอล์ รวม 1,200 ชุด มูลค่ากว่า 300,000 บาท ทั้งนี้ ได้มอบให้กับตัวแทน อสม. ของแต่ละเทศบาล เพื่อนำไปส่งต่อให้กับ อสม. ในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยให้ อสม. มีอุปกรณ์ที่จำเป็นใช้อย่างเพียงพอ ช่วยลดความเสี่ยงระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ นายถวิล โพธิบัวทอง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองมาบตาพุด กล่าวว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ในปัจจุบันนั้น มีการกระจายตัวอย่างรวดเร็ว และสามารถติดเชื้อได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ซึ่งกลุ่ม อสม. เป็นด่านหน้าในการช่วยเหลือชุมชน ท
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในจังหวัดนครราชสีมา ที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งตั้งอยู่ในโคราช จึงนำความเชี่ยวชาญกว่า 20 ปี ทางด้านเทคโนโลยีสุญญากาศ ระบบควบคุมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง มาประยุกต์ช่วยท้องถิ่นรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยผลิตห้องแยกโรคความดันลบ และตู้คัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อแบบความดันบวก แล้วส่งมอบแก่โรงพยาบาลและเรือนจำในพื้นที่โคราชเพื่อคัดกรองและแยกผู้ป่วย นครราชสีมา : สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นำความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมานานกว่า 20 ปี ทางด้านเทคโนโลยีสุญญากาศ เทคโนโลยีระบบควบคุม และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง มาประยุกต์และผลิตห้องแยกโรคความดันลบ สำหรับโรงพยาบาลสนาม และตู้คัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อแบบความดันบวก โดยได้ส่งมอบให้โรงพยาบาลและเรือนจำในจังหวัดนครราชสีมา รับมือแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ในส่วนของห้องแยกโรคความดันลบ สำหรับโรงพยาบาลสนาม
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดำริให้มีการจัดตั้งขึ้น เพื่อทำการศึกษา ทดลอง และค้นคว้างานพัฒนาด้านต่างๆ ตามความเหมาะสมของสภาพภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อมในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และนำผลการศึกษาที่พิสูจน์ได้ว่ามีความเหมาะสมกับพื้นที่ไปใช้เป็นแบบอย่างของความสำเร็จในการส่งเสริมการประกอบอาชีพของราษฎร เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของราษฎรให้ดีขึ้น สามารถพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งมีหลายกิจกรรม หนึ่งในนั้นที่กำลังได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่ ท่ามกลางวิกฤติการระบาดของโควิค-19 รอบที่ 3 ที่ประชาชนลดการเคลื่อนไหวในสังคม และจำนวนหนึ่งเดินทางกลับบ้านได้เข้ามาเรียนรู้และนำไปปฏิบัติใช้ในครอบครัวของตนเอง คือการเลี้ยงหม่อนไหมเพื่อผลิตเส้นไหมทอผ้า ซึ่งกิจกรรมหม่อนไหมศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในช่วงที่ผ่านมาได้ทำการศึกษาและพัฒนาการเลี้ยงไหม โดยอาศัยเทคนิควิธีการง่ายๆ เพื่อให้ผู้สนใจสามารถนำไปปฏิบัติใช้ในพื้นที่ของตนเองเพื่อเสริมรายได้ของราษฎร โดยไหมป่าอี
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) คาดการณ์ทิศทางการส่งออกสินค้าอาหารไทยในปี 2564 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น จากหลายปัจจัยสนับสนุน คุมเข้มมาตรการในกระบวนการผลิตอาหารส่งออก ภาคเอกชนกลุ่มผู้ส่งออกอาหารไทย พร้อมให้ความร่วมมือดำเนินการตามมาตรการอย่างเคร่งครัด พร้อมเดินหน้า“โครงการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าอาหารไทยปลอดการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” (Thailand Delivers with Safety) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าที่นำเข้าสินค้าอาหารจากไทย นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ภาพรวมการส่งออกอาหารไทยในเดือน ม.ค. – ก.พ. 2564 มีมูลค่า 164,146 ล้านบาท โดย 5 อันดับสินค้าเกษตรอาหารส่งออก ได้แก่ 1.มันสำปะหลัง 2.ข้าว 3.ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง 4.ไก่แปรรูป 5.ไก่สดเย็น แช่แข็ง และ 5 อันดับสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรส่งออกสำคัญ ได้แก่ 1.อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 2.ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ 3.อาหารสัตว์เลี้ยง 4.เครื่องดื่ม 5.ผลไม้กระป๋องและแปรรูป สำหรับทิศทางการส่งออกสินค้าอาหารไทยในปี 2564 คาดว่าจะมีมูลค่า 1,050,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ประธานนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 2 (ปธพ.2) พร้อมด้วยตัวแทนรุ่น ได้แก่ นางกรรณิการ์ เทววิชชุลดา นพ.นิธิวัฒน์ กิจศรีอุไร นางสาววราภรณ์ กุลสวัสดิ์ภักดี นางนภสร ประนิช นพ.ทรงพล ชวาลตันพิพัทธ์ และ นางชมัยพร หนุนภักดี มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาทิ PPE Coverall 200 ชุด, PE Disposable Gown 10,000 ชุด, แอลกอฮอล์ 200 ลิตร, หน้ากากอนามัย Surgical Mask 10,000 ชิ้น, หน้ากาก KN95 400 ชิ้น รวมทั้งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 3 เครื่อง และสมาร์ตโฟน 3 เครื่อง รวมมูลค่า 620,000 บาท เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลสนามและโรงพยาบาลสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค โควิด-19 โดยได้รับเกียรติจาก พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร และ พญ.เลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เป็นตัวแทนรับมอบ ณ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เมื่อเร็ว ๆ นี้
อสป. เร่งสนองนโยบายรัฐ เดินหน้าสกัดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมงทั้ง 18 แห่ง ทั่วไทย พร้อมย้ำชัดการ์ดไม่เคยตก และจะดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด ผู้สื่อข่าวรายงานจากองค์การสะพานปลา (อสป.) ว่า ภายหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 3 ที่มีการแพร่ระบาดในวงกว้างอย่างรวดเร็ว และมีผู้ติดเชื้อรายวันทุกจังหวัดของประเทศไทย จนทำให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีมติปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ในประเทศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด 18 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 59 จังหวัด รวมถึงรัฐบาลขอความร่วมมือทุกหน่วยงานจัดรูปแบบการทำงาน Work from Home หลังประกาศให้หน่วยงานรัฐทุกแห่งดำเนินการเต็มรูปแบบหลังสงกรานต์ เพื่อช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อ ซึ่งในส่วนขององค์การสะพานปลา (อสป.) ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ที่กำกับดูแลสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมงทั้ง 18 แห่ง ทั่วประเทศ ก็พร้อมที่จะสนองนโยบายของรัฐบาล ในการลดการแพร่กระจายเชื้อ และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้เป็นไปอย่างมีป