การใช้กัญชาทางการแพทย์
วันที่ 22 กันยายน 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์เขตสุขภาพที่ 2 ณ ศูนย์การแสดงนิทรรศการและการจัดประชุมสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง การใช้กัญชาทางการแพทย์ทั้งระบบการแพทย์สมัยใหม่และการแพทย์แผนไทย การส่งเสริมสุขภาพ และส่งเสริมให้นำไปต่อยอดทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการขับเคลื่อน หมุนเวียนทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ทั้งในระดับชุมชนและภาพรวมของประเทศ ทั้งนี้ ได้ให้ความเชื่อมั่นว่า การดำเนินงานทางกัญชาทางการแพทย์เป็นสิ่งที่ถูกต้อง อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย สามารถนำไปใช้เป็นยา สารสกัด ทำเป็นส่วนผสมของอาหารและเวชสำอาง ซึ่งจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการใช้ยาแผนปัจจุบัน รวมทั้งได้ให้คำแนะนำให้เข้าใช้แอปพลิเคชั่น “ปลูกกัญ” เพื่อให้ประชาชนและผู้สนใจได้เข้าไปศึกษาหาความรู้ แนวทางการนำพืชกัญชาไปใช้ประโยชน์ สุดท้าย ได้กล่าวถึง “โครงการคนไทยทุกครอบครัว มีหมอประจำตัว 3 คน” ที่มีอาสาสมัครสาธารณสุข “หมอคนที่ 1” เป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ระบบสุขภาพขอ
เมื่อไม่นานมานี้กัญชาได้ถูกปลดล็อคออกจากการเป็นสารเสพติดให้โทษ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชน ในการปลดล็อคให้พืชกัญชาและพืชกัญชงพ้นจากความเป็นยาเสพติด เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ทั้งในด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ รวมไปถึงการสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ประชาชน โดยทั่วไปกัญชา 1 ต้น จะได้ช่อดอกสด เฉลี่ย 500 กรัม คิดเป็นน้ำหนักกิโลกรัมแห้ง คิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ ได้ประมาณ 0.12 กิโลกรัม และได้ใบสด กิ่ง ก้าน ราก ใบ ประมาณ 2 กิโลกรัม หากปลูก 6 ต้น ได้ช่อดอกสด 3 กิโลกรัม คิดเป็นน้ำหนักกิโลกรัมแห้ง คิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ ได้ประมาณ 0.6 กิโลกรัม และได้ใบสด กิ่ง ก้าน ราก ใบ ประมาณ 2 กิโลกรัมต่อต้น (การประมาณการนี้ต้องเป็นต้นตัวเมียทั้ง 6 ต้น) ซึ่งสารสำคัญของกัญชาอยู่ที่ช่อดอก หลังจากปลูกกัญชาและได้ช่อดอกที่สมบูรณ์และตากจนแห้งแล้ว จะนำเข้าสู่กระบวนการสกัดในขั้นตอนต่อมา เพื่อให้ได้สารสำคัญในกลุ่มแคนนาบินอยด์ คือสาร THC กับ CBD สำหรับสาร THC มีฤทธิ์เมา ซึ่งมีข้อดีเมื่อใช้ทางการแพทย์ แต่ต้องใช้ในอัตราส่วนที่เหมาะสม ส่วนสาร CBD มีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563 สมาคมนักวิจัยแห่งประเทศไทย จัดการสัมมนาวิชาการวิจัยกัญชาเพื่อประชาชน ณ ห้องประชุมจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนงานวิจัยกัญชาเพื่อการรักษาผู้ป่วยด้วยภูมิปัญญาวิถีไทย ก่อนการสัมมนาฯ มีการไว้อาลัยจากการจากไปของ “ลุงตู้” นายบัณฑูร นิยมาภา ผู้สร้างตำนานกัญชาเพื่อผู้ป่วย หรือบุรุษกัญชาไทย การสัมมนาประกอบด้วย ผศ.ดร. พิพัฒน์ นนทนาธรณ์ นายกสมาคมนักวิจัยแห่งประเทศไทย ดร. สุเทพ สุวรรณเกด และ นายแพทย์ชนินทร์ ลีวานันท์ จบจากการสัมมนาวิชาการเป็นการแชร์ประสบการณ์จากการใช้กัญชาเพื่อการรักษาผู้ป่วยจากโรคต่างๆ ที่เป็นผู้ใกล้ชิดหมอตู้ นำโดยทีมงานแฟนเพจเฟซบุ๊ก บุญเติมสายเขียว และแพทย์แผนไทยที่ประสบผลสำเร็จจากการใช้น้ำมันกัญชาในการรักษาโรค ภายในงานยังมีการนวดเพื่อการรักษาโรคปวดเมื่อย คลายเส้น กดจุดต่างๆ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากน้ำมันกัญชา เช่น สบู่ น้ำมันนวดเพื่อการรักษาโรคปวดเมื่อย เป็นต้น ผศ.ดร. พิพัฒน์ นนทนาธรณ์ นายกสมาคมนักวิจัยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมนักวิจัยแห่งประเทศไทย ปัจจุบันมีสมาชิกกว่าสี่พันคน และได้จัดตั้งคณะทำงานวิจัยกัญชาเพื่อประชาชนข