กำจัดวัชพืช
เกษตรไม่ว่าจะทำสวน ปลูกผัก เราจะเห็นวัชพืชที่ชอบขึ้นอยู่ในสวน บางครั้งไม่มีเวลาในการกำจัดหรือดูแล เจ้าของสวนหลายท่านจึงแก้ปัญหาด้วยการเลี้ยง “ห่าน” ปล่อยในสวน เนื่องจากวัชพืชที่พบมากสุดในส่วนจะเป็นตระกูลหญ้า ทั้งตัด ทั้งไถ ไม่หมดสักที เพราะหญ้าโตไว ขยายพันธุ์เร็ว สำหรับคนที่ไม่อยากใช้สารเคมี วิธีที่นิยมจะเป็นการไถหญ้า ตัดหญ้า แต่มันจะเหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่ไม่มาก ห่านที่แนะนำ “ห่านพันธุ์จีน” ลักษณะขนสีขาวและเทา เจริญเติบโตเร็ว ปราดเปรียว ว่องไว ถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับต้นทุนการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น👍🏻 ห่านเป็นสัตว์เลี้ยงที่ทนทานต่อโรคและความแห้งแล้งแม้ว่านิสัยของมันชอบเล่นน้ำก็ตาม ต้องถือว่าการเลี้ยงห่านไม่เป็นภาระมากเหมือนสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ตำแหน่งประจำสวนที่พลาดไม่ได้นั่นก็คือ เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยได้ด้วย เพราะห่านเป็นสัตว์เลี้ยงที่หูไว ตาไว และใจกล้า ขาลุย เมื่อเห็นอะไรที่แปลกหรือได้ยินเสียงอะไรแม้แต่เจ้าของก็ตาม ห่านจะส่งเสียงร้องดังๆ แล้วกางปีกไล่ทันที และปีกของมันก็แข็งแรงมากด้วย คนแปลกหน้าที่เข้ามาถ้าวิ่งไม่ทันโดนจิกแน่ๆ ห่านพร้อมบวกเสมอก็ว่าได้ การเลี้ยงห่าน ท
การปลูกพืชคลุมดินในสวนยาง เป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ในสวนยาง ทั้งนี้เศษซากพืชคลุมดินเมื่อย่อยสลายกลายเป็นอินทรีย์วัตถุจะช่วยเพิ่มธาตุอาหารในดิน ช่วยปรับโครงสร้างดินและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้ปุ๋ยเคมี ส่งผลให้การเจริญเติบโตดี เปิดกรีดได้เร็วขึ้นและให้ผลผลิตน้ำยางเพิ่มขึ้นด้วย การปลูกพืชคลุมดินไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน รักษาความชื้นในดิน ควบคุมการเจริญเติบโตของวัชพืช ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีกำจัดวัชพืช ตลอดจนเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในดิน ได้แก่ จุลินทรีย์ เช่น เชื้อรา และแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ และสัตว์ที่อาศัยอยู่ในดิน เช่น มด แมลง หนอน ซึ่งทำหน้าที่ย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ และยังช่วยเพิ่มฮิวมัสให้แก่ดินอีกด้วย สถาบันวิจัยยาง ได้มีการแนะนำให้เกษตรกรปลูกพืชคลุมดินในสวนยางช่วงเวลาเดียวกันกับการปลูกยาง โดยปลูกในระหว่างแถวยางที่ไม่มีการปลูกพืชแซมยาง พืชคลุมดินที่นิยมปลูกในสวนยาง ได้แก่ พืชคลุมดินตระกูลถั่ว เช่น คาโลโปโกเนียม เซ็นโตรซีมา และเพอราเรีย เป็นต้น ปัจจุบันมีพืชคลุมดินอีกชนิดหน
หนึ่งในปัญหาการปลูก “ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์” ที่หลายคนคาดไม่ถึงคือเรื่องของ “วัชพืช” เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผลผลิตลดลงเกินครึ่ง แต่เกษตรกรบางส่วนกลับปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แบบปล่อยตามธรรมชาติ สุดท้ายมักเจอปัญหาผลผลิตต่ำและไม่สม่ำเสมอ แล้วการจะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้มีประสิทธิภาพ ได้ผลผลิตสูงนั้นมีขั้นตอนอย่างไร? เราจะพาไปหาคำตอบกับเกษตรกรรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง คุณเสก-ศักดา สว่างศรี วัย 28 ปี ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กว่า 120 ไร่ ด้วยความใส่ใจ บำรุงดูแล จนทำให้ได้ผลผลิตมากกว่า 1 ตันต่อไร่” คุณเสก เผยว่า ตนเองนั้นรับช่วงต่อการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากรุ่นพ่อแม่มาได้ 7-8 ปีแล้ว ซึ่งก็ได้มีการปรับปรุงรูปแบบการทำเกษตรหลายอย่าง ทั้งการวางแผนปลูก การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย และข้อสำคัญคือต้องมีความเข้าใจในจุดเปราะบางของพืชที่เราปลูก ซึ่งถ้าป้องกัน-ดูแลได้อย่างตรงจุด รับรองว่าผลลัพธ์คุ้มค่าการลงทุนแน่นอน เทคนิคการดูแลข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในแบบของคุณเสก นั้นไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด แค่ใส่ใจใน 3 เรื่องหลัก คือ การวางแผนการปลูกให้เหมาะสม เพื่อให้ขายได้ราคา การกำจัดวัชพืช
กรมชลประทาน ยังคงเดินหน้ากำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่องหลายพื้นที่ ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ รองรับน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ดำเนินการกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำโดยเฉพาะผักตบชวาเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2564 นี้ ขณะนี้ยังคงเหลือการเก็บย่อยโดยใช้เรือกำจัดวัชพืชขนาดเล็ก เข้าไปดำเนินการเก็บผักตบชวาที่ตกค้างในพื้นที่ รวมไปถึงผักตบชวาที่ลอยมาตามกระแสน้ำ อาทิ ที่ จ.นนทบุรี โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระยาบรรลือ ได้กำจัดวัชพืชและผักตบชวาบริเวณประตูระบายน้ำบางบัวทอง ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง ที่ จ.นครปฐม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล นำเรือนวัตกรรมลงพื้นที่เก็บวัชพืช บริเวณคลองมหาสวัสดิ์ ต.มศาลายา อ.พุทธมณฑล ที่ จ.ปราจีนบุรี โครงการชลประทานปราจีนบุรี นำเรือกำจัดวัชพืช เข้ากำจัดผักตบชวา บริเวณบ้านคลองสารภี ต.บ้านสร้าง อ.บ