ขยายพันธุ์
ปัจจุบันประชาชนให้ความสนใจในการปลูกพืชเกษตรเป็นจำนวนมาก การปลูกพืชแต่ละชนิดต้องได้สายพันธุ์ที่ดี ต้องมีผลผลิตที่ดี ช่วงวิกฤต COVID-19 ที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนขึ้นคือ ความสำคัญของความมั่นคงทางอาหารและเมล็ดพันธุ์ หลายคนที่ไม่ใช่เกษตรกร เริ่มหันมาเป็นมือปลูก และแบ่งปันเมล็ดพันธุ์และผลผลิตให้กันและกัน ความหลากหลายทางพืชพรรณธัญญาหารเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย และการเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อปลูกต่อและส่งต่อกันเช่นนี้เป็นวิถีชีวิตของเกษตรกรไทยมาช้านาน ถึงเวลาของผู้คนทุกภาคส่วนต้องปรับตัวอย่างจริงจังหรือยัง ถึงเวลาให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ ว่ากันว่า ช่วงวิกฤตนั้น บริษัทเมล็ดทั่วโลกต่างได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ใช่ครับบริษัทเหล่านั้นตอบมาเพราะเมื่อมนุษย์ต้องการพึ่งพาตนเอง ไม่ต้องไปพบหน้า ไม่ต้องไปสมาคมพูดคุย การค้าขายแบบออนไลน์ การส่งเมล็ดพันธุ์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย มันเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนไปเลย มนุษย์อยากกิน อยากทำเมนู อยากได้สมุนไพร คนสร้างเมล็ดพันธุ์เพื่อรองรับก็ได้เปรียบเป็นธรรมดา คนคิดก่อน ไปก่อน รวยก่อน ก็เหมาะสม แต่ถ้าเกษตรกรที่อยู่ตามท้องไร่ท้องนาต้องคิดต่างแล้วหละ แต่ประชาชนเกษตรก
ผักหวานป่า จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 5-10 เมตร ต้นที่โตเต็มที่สูงถึง 13 เมตร ที่พบ ทั่วไปมักมีลักษณะเป็นไม้พุ่มใหญ่อายุหลายปี เนื่องจากมีการตัดแต่งกิ่ง การหักกิ่งเด็ดยอด เพื่อกระตุ้นให้เกิดกิ่งและยอดอ่อน ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้บริโภค ใบผักหวานป่า มีสีเขียวเข้ม เนื้อใบกรอบ เนื้อมาก ขอบใบเรียบ ปลายใบป้าน ฐานใบเรียวสอบถึงแหลม ขนาดของใบ ประมาณ 2.5-5 x 6-12 เซนติเมตร ในยอดและใบสดที่รับประทานได้ 100 กรัม ประกอบด้วย น้ำ 76.6 กรัม โปรตีน 8.2 กรัม คาร์โบไฮเดรต 10 กรัม เยื่อใย 3.4 กรัม เถ้า 1.8 กรัม แคโรทีน 1.6 มิลลิกรัม วิตามินซี 115 มิลลิกรัม และพลังงาน 300 กิโลจูล (KJ) จากการพูดคุยกับแม่ค้าที่ขายผักหวานป่าโดยตรง พบว่าราคาผักหวานป่าค่อนข้างดีมาตลอด โดยราคาผักหวานป่าจะแพงมากในช่วงเดือนพฤศจิกายนเรื่อยมาจนถึงเดือนมกราคม หลังจากนั้น ราคาจะเริ่มตกลงเล็กน้อย และมีราคาทรงตัวจนไปถึงช่วงเดือนพฤษภาคมราคาจะลดลงไปอีก เพราะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนที่มีผลผลิตผักหวานป่าออกมามาก จากข้อมูลราคาผักหวานป่าของตลาดสี่มุมเมือง พบว่า ราคาโดยเฉลี่ยของผักหวานป่า ในปี 2553 อยู่ที่ 120 บาท ต่อกิโลกรัม ส่วนในปี 2554 ราคาเฉลี่ยอยู่ท
การเพาะเลี้ยงกวางผา เป็นกิจกรรมหนึ่งของการเลี้ยงสัตว์ป่าที่หายากและมีโอกาสสูญพันธุ์ของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าอมก๋อย ภายใต้โครงการอนุรักษ์สภาพป่าในพื้นที่อมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีพื้นที่ผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารหลายสาย เป็นแหล่งอาศัยหากินของสัตว์ป่าหายาก เช่น กวางผา ช้างป่า เสือ เลียงผา วัวแดง เก้ง กวาง ชะนี ลิง นก ไก่ฟ้า ฯลฯ เมื่อความเจริญเริ่มเข้าไปสู่พื้นที่ป่า ผู้คนเข้าไปอาศัยทำมาหากิน ความอุดมสมบูรณ์ของป่าเริ่มสูญสลาย มีการล่าสัตว์ป่าเพื่อเป็นอาหาร ดังนั้น เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2534 นับเป็นวันแรกของการเริ่มต้นอนุรักษ์ป่าอมก๋อย ด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงห่วงใยต่อความอุดมสมบูรณ์ของป่าและชีวิตสัตว์ป่า จึงมีหน่วยงานต่างๆ เข้าไปดำเนินงานในโครงการอนุรักษ์สภาพป่าในพื้นที่อมก๋อย รวมถึงสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าอมก๋อย สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าอมก๋อย ได้รวบรวมพันธุ์สัตว์ป่าหลายชนิดเพื่อการอนุรักษ์และทำการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ โดยเฉพาะ “กวางผา” ที่นับเป็นสัตว์ป่าสงวนของไทยที่มีแนวโน้มว่าใกล้จะสูญพันธุ์ จัดอยู่ในบัญชีหมายเลข 1 ตามอนุสัญญาไซเตส แพร่กระจายอ
ปัจจุบัน การขยายพันธุ์มะม่วง เกือบทั้งหมดจะใช้วิธีการทาบกิ่ง มีบางส่วนใช้วิธีการเสียบยอดบนต้นตอในกรณีที่มียอดมะม่วงพันธุ์ดีจำนวนน้อย โดยปกติแล้วต้นที่เสียบยอดจะมีขนาดเล็กกว่ากิ่งทาบ ในความเป็นจริงแล้วมะม่วงจัดเป็นไม้ผลที่ขยายพันธุ์ได้ง่าย แม้ว่าต้นมะม่วงจะมากอายุหลายปี ถ้าเกษตรกรต้องการจะเปลี่ยนพันธุ์ก็ทำได้ไม่ยุ่งยาก โดยมีเทคนิคดังต่อไปนี้ การทาบกิ่งมะม่วงอาร์ทูอีทูแนวใหม่ แบบสวน คุณวารินทร์ ชิตะปัญญา เลขที่107/1 หมู่ 1 ต.บ้านฉาง จ.ระยอง การขยายพันธุ์โดยวิธีการทาบแนวใหม่นี้เป็นการประยุกต์ การทาบมะม่วงแบบเก่าที่จะเพาะต้นตอในแปลงเพาะกล้าเมื่อต้นตอมีขนาดลำต้นเท่าแท่งดินสอก็จะสามารถถอนต้นไปปาดแผลขึ้นทาบกิ่งได้เลย โดยไม่ต้องนำต้นตอไปอัดถุงขุยมะพร้าวก่อนแล้วจึงจะนำไปขึ้นทาบได้ เริ่มต้นจากปาดกิ่งมะม่วงอาร์ทูอีทูที่ต้องการทาบให้เป็นแผลยาวประมาณ 1-1.5 นิ้ว จากนั้นถอนต้นตอมมะม่วงพื้นเมืองปาดให้เป็นลิ่มแผลยาวประมาณ 1-1.5 นิ้ว เช่นกัน ส่วนด้านตรงข้ามให้ปาดเป็นแผลเล็กน้อย จากนั้นประกบแผลของต้นตอพื้นเมืองกับกิ่งอาร์ทูอีทูให้สนิทใช้พลาสติกพันกิ่งจากด้านล่างขึ้นบนให้แน่น จากนั้นนำขุยมะพร้าวที่ผ่านกา
คงจะไม่มีใครปฏิเสธว่า “กล้วย” เป็นพืชเศรษฐกิจ ที่มีความสำคัญกับการดำรงชีวิต โดยเฉพาะ ผลกล้วย ทั้งผลกล้วยดิบ และผลกล้วยสุก สามารถนำไปประกอบอาหาร ทั้งอาหารคาวและหวาน หรือแปรรูปได้สารพัด กล้วยเศรษฐกิจเป็นที่ต้องการของตลาดหลักๆ ได้แก่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยไข่ ซึ่งทั้ง 3 พันธุ์นี้ ล้วนแล้วแต่มีลำต้นสูงใหญ่ ไม่ต่ำกว่า 2 เมตร บางต้นสูงถึง 3.5 เมตร ทำให้ยากต่อการจัดการหรือการเก็บเกี่ยวผลผลิต และอาจเจอปัญหาต้นโค่นล้มเพราะรับน้ำหนักเครือไม่ไหว ทำให้เกิดผลกล้วยเสียหายได้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีวิธีจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างอยู่หมัด ด้วยการบังคับให้กล้วยตกเครือกลางลำต้นเพื่อง่ายต่อการจัดการดูแล การเก็บเกี่ยวผลผลิต และลดต้นทุนค่าใช้จ่าย นายนิคม วงศ์นันตา นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ จากสำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตรมหาวิทลัยแม่โจ้ และทีมงาน ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการบังคับให้กล้วยตกเครือกลางลำต้นมากว่า 3 ปี จนประสบความสำเร็จ “เราได้ทำการศึกษาช่วงเวลาของการเกิดปลีกล้วยด้วยการสังเกตลักษณะการเจริญเติบโตพื้นฐาน คือ เมื่อกล้วยมีอายุประมาณ 6-8 เดือน กล้วยจะมีลำต้นขนาดใหญ่พร้อมที่จะออกปลีโดย
นางสาวเยาวนิตย์ บุรีรักษา ปศุสัตว์สกลนคร กล่าวว่า ได้นำทีมปศุสัตว์ลงพื้นที่พบปะกับเกษตรกรผู้เลี้ยงกระบือ หมู่บ้านคำผักแพว ต.โนนหอม อ.เมืองสกลนคร พร้อมนำอุปกรณ์ฝังไมโครชิปกระบือเพศเมียที่เข้าร่วมโครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อขึ้นทะเบียนผ่านบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ควบคุมการเคลื่อนย้าย จำหน่าย หรือนำเข้าโรงฆ่าสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตลอดจนคัดกรองป้องกันโรคระบาด “กรมปศุสัตว์มีความเป็นห่วงประชากรกระบือ หวั่นว่าจะสูญพันธุ์อย่างน่าใจหาย เนื่องจากมีข้อมูลจากการสำรวจทั้งประเทศ พบเหลือประชากรกระบือไม่ถึง 1 ล้านตัว จึงต้องขึ้นทะเบียนฝังไมโครชิป กระบือเพศเมียและเร่งขยายพันธุ์ หากไม่เร่งดำเนินการตั้งแต่ตอนนี้ จะเกิดปัญหาใหญ่ในอนาคต ที่สำคัญการขึ้นทะเบียนไมโครชิป ยังเป็นการสำรวจประชากรกระบือในพื้นที่ และป้องกันโรคระบาด สำหรับจังหวัดสกลนคร ปศุสัตว์พยายามส่งเสริมการเลี้ยงกระบืออย่างเต็มที่ โดยจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้คำปรึกษาอย่างสม่ำเสมอ สามารถฝังไมโครชิปกระบือตัวเมียได้มากกว่าร้อยละ 90 แล้ว จะเริ่มขยายผลฝังไมโครชิปโคต่อไป ซึ่งประชากรโคยังไม่น่าเป็นห่วง เพราะส่วนใหญ่เกษตรกรยังคงเลี้ยงกันจำนวน