ขุนโค
ในปัจจุบัน อาชีพการเลี้ยงโคขุนในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนสูง ตลาดโคเนื้อมีความต้องการ เนื้อโคขุนสูงขึ้น ผู้บริโภคมีความรู้และเลือกซื้อเนื้อคุณภาพดีมากขึ้น เนื่องจากเนื้อโคขุนจะมีความนุ่มและชุ่มฉ่ำกว่าเนื้อโคทั่วไป เพราะมีไขมันแทรกตามเส้นใยกล้ามเนื้อมาก ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดเนื้อ คุณภาพสูงเพื่อนำไปประกอบอาหาร เช่น สเต๊ก เนื้ออบ เป็นต้น อีกทั้งพื้นที่ที่เลี้ยงโคขุนไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่กว้างมาก ซึ่งแตกต่างจากการเลี้ยงโคแบบปล่อยแปลง ประกอบกับปัจจุบันมีการพัฒนา คัดเลือก ปรับปรุงพันธุ์โคให้มีโครงร่างใหญ่ โตเร็ว ซึ่งเหมาะกับการขุนมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าการเลี้ยงโคขุน หากโคมีขนาดใหญ่ก็จะขายได้ในราคาที่สูงกว่า เรื่องของอาหารนั้นมีส่วนสำคัญ หากโคขุนได้อาหารเสริมที่ดีก็ทำให้โตไว น้ำหนักเยอะ เนื้อมีคุณภาพดี และเกษตรกรทำเองได้ ต้นทุนไม่สูงอีกด้วย มันสำปะหลัง เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญอีกชนิดหนึ่งของประเทศไทย ผลผลิตจากมันสำปะหลัง เช่น กากมัน เป็นต้น นับว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญและมีประโยชน์อย่างมาก ที่เกษตรกรนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารสัตว์เพื่อลดต้นทุน เช่น การนำมาทำเป็นกากม
ปัจจุบันการเลี้ยงโคเนื้อเป็นที่สนใจของใครหลายๆ คน เพราะได้มีการนำมาปรับเปลี่ยนการเลี้ยงให้ง่ายต่อการจัดการมากขึ้น คือการเลี้ยงแบบยืนโรงโดยที่ไม่ต้องปล่อยโคให้ออกไปอยู่ในทุ่งกว้างเหมือนเช่นสมัยก่อนที่ทำกันมา จึงทำให้ผู้เลี้ยงมีเวลาว่างไปประกอบสัมมาอาชีพอื่นได้ ส่งผลให้การเลี้ยงโคสมัยนี้ทำเป็นอาชีพเสริมได้อย่างไม่มีอุปสรรคอีกด้วย ซึ่งโคที่เลี้ยงเกษตรกรจะเลือกสายพันธุ์ในแบบที่คิดว่าเหมาะกับเขาเองเป็นหลัก เพราะบางพื้นที่สามารถเลี้ยงโคได้แตกต่างสายพันธุ์กันออกไป ดังนั้น การเลือกโคให้เหมาะสมกับผู้เลี้ยงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญของเกษตรกรไม่น้อยทีเดียว คุณไสว สร้อยระย้า อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ที่ 2 อยู่ตำบลหัวนา อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี มีการปรับเปลี่ยนการเลี้ยงโคเนื้อให้เข้ากับเขามากขึ้น โดยสมัยก่อนนั้นเลี้ยงแบบปล่อยไล่ทุ่งทำให้ไม่มีเวลาเพียงพอไปดำเนินงานด้านอื่น ต่อมาจึงปรับเปลี่ยนมาเลี้ยงแบบยืนโรงโดยสร้างเป็นโคขุนเพื่อส่งขายในระบบสหกรณ์ จึงทำให้มีรายได้แน่นอนและเป็นอาชีพได้อย่างมั่นคง คุณไสว เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนเลี้ยงโคเนื้อแบบยังไม่มีทิศทางที่แน่นอน เน้นแบบเลี้ยงปล่อยท้องไร่ท้องนาเ