ข้าวหอม
นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาข้าวหอมมะลิปรับตัวดีขึ้นตันละ 17,000 บาท ส่งผลให้ข้าวหอมปทุมปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าตันละ 11,000-12,000 บาท เมื่อใกล้เข้าถึงฤดูเพาะปลูกเดือนพ.ค. มีเอกชนผู้จำหน่ายข้าวถุง ทั้งเพื่อบริโภคในประเทศและเพื่อการส่งออก และเกษตรกรจำนวนหลายราย ติดต่อมาทางกรมการข้าวเพื่อขอซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก โดยให้เหตุผลว่าเตรียมขยายพื้นที่เพาะปลูก เพราะผู้ซื้อในต่างประเทศสนใจข้าวหอมมะลิ และข้าวหอมปทุมเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ผลผลิตข้าวหอมมะลิทั้งปีของไทยมีประมาณ 8 ล้านตัน หรือมีพื้นที่ปลูกประมาณ 23 ล้านไร่ กรมการข้าว เตรียมเมล็ดข้าวปลูกไว้ในปี 2561 ปริมาณ 80,000 ตัน รวมข้าวทุกชนิด ซึ่งน่าจะเพียงพอ เพราะกระทรวงเกษตรฯ ไม่ได้มีแผนที่จะขยายพื้นที่เพาะปลูก ยังคงพื้นที่เพาะปลูกตามแผนข้าวทั่วประเทศ แต่กรณีเอกชนต้องการขยายพื้นที่ปลูกหอมมะลิเพิ่มขึ้น เพราะอ้างว่าต่างชาติต้องการจำนวนมาก เรื่องนี้ต้องรอบคอบ เพราะหากตัดสินใจเพิ่มพื้นที่ แต่ต่างชาติลดปริมาณการซื้อออร์เดอร์จะทำให้ราคาปรับตัวลดลง ชาวนาก็จะเดือดร้อนอีก “กระแสราคาข้าวหอมมะลิและข้าวหอมปทุมปีนี้ปรับตัวด
ตำนานโบราณเรื่องข้าวแถบอุษาคเนย์มักเล่าเรื่องย้อนไปคล้ายๆ กัน ถึงข้าวสมัยบรรพกาลที่มีเม็ดใหญ่เท่าผลมะละกอ ไม่มีเปลือก รสชาติอร่อยจนกินเปล่าๆ ได้โดยไม่ต้องมีกับข้าว แถมพอสุกแล้วก็บินมาเข้ายุ้งฉางเอง คนไม่ต้องไปเก็บเกี่ยวให้เหน็ดเหนื่อย แล้ววันหนึ่งก็เกิดมีคนที่โมโห รำคาญ เอาไม้ไปตีจนเม็ดข้าวแตกกระจาย ตั้งแต่นั้นมา ข้าวก็เลยเหลือขนาดเม็ดเล็กเท่าทุกวันนี้ ต้องกินมากๆ จึงอิ่ม แถมกว่าจะได้มาแต่ละครั้งต้องลงแรงหว่านดำตามฤดูกาล เก็บเกี่ยวจากผืนนา ต้องตำฝัดเอาเปลือกออก หุงหาให้สุก รสชาติหรือก็จืดลงจนต้องกินกับกับข้าว ฯลฯ เรียกว่ามนุษย์นั้น อยู่ดีๆ ก็รนหาที่ เลยต้องมาลำบากตรากตรำเกี่ยวกับเรื่องข้าวๆ อยู่จนถึงทุกวันนี้ น่าแปลก ที่ถ้าเราดูประวัติศาสตร์การปลูก การกิน และบริหารจัดการเกี่ยวกับข้าวในช่วงสมัยใหม่ เมื่อไม่ถึงร้อยปีมานี้ เรื่องเล่าก็ดูจะคล้ายๆ ในตำนาน ทำนองว่า การโหมปลูกข้าวแบบเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ได้ทำให้พันธุ์ข้าวที่เคยหลากหลายในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศหดหายไปมาก เหลืออยู่ก็แต่ข้าวพันธุ์ กข ต่างๆ และข้าว “หอมมะลิ” ที่เน้นส่งออกตลาดภายนอกประเทศ วิธีกินข้า
เมื่อวันที่ 8 มกราคม นายสุพงษวินัย ชูยก นายอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พร้อมด้วย นางวิไลวรรณ พลจร ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองท้ายเหมือง น.ส.ประไพ พุกงาม สถิติจังหวัดพังงา นายชาติ คงรื่น เกษตรอำเภอท้ายเหมือง นายโสภณ เคี่ยมการ ผอ.สวท.พังงา นำชาวบ้านในพื้นที่นิคมสร้างตนเองกว่า 60 คน ร่วมลงแขกเกี่ยวข้าวไร่ดอกข่า ในพื้นที่ 13 ไร่ ในแปลงยางพาราปลูกใหม่ของนายศักดิ์ชัย-นางฐิติมา สุคนธชาติ ข้าราชการครูบำนาญ ที่มอบให้ชุมชนใช้เป็นแปลงสำหรับปลูกข้าวไร่ไว้บริโภค และอนุรักษ์สายพันธุ์ข้าวประจำถิ่น ให้อยู่คู่ชาวจังหวัดพังงาตลอดไป นายอำเภอท้ายเหมือง กล่าวว่า เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมการกินการอยู่ของชุมชนและการช่วยกันเก็บรักษาพันธุ์ข้าวไร่ดอกข่า เป็นสายพันธุ์ข้าวไร่ชื่อดังของจังหวัดพังงาเอาไว้ ในพื้นที่นี้เริ่มปลูกกันเมื่อปี 2558 และปีนี้ชุมชนในตำบลทุ่งมะพร้าวได้ร่วมกันปลูกรวม 3 แปลง เนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ ผลดีที่เกิดขึ้นคือ การได้รวมกลุ่มของชาวบ้านมีทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิมร่วมปลูกข้าวด้วยกัน ส่วนผลผลิตก็มาแบ่งแจกจ่ายกันไป นายชาติ คงรื่น เกษตรอำเภอท้ายเหมือง กล่าวว่า ข้าวดอกข่า เป็นข้าวไร่พันธุ์พื้นเมืองที่มีต้
ข้าวเป็นเมล็ดธัญพืชที่มีคุณค่าอเนกอนันต์คู่กับสังคมไทยมายาวนาน และพบว่าอุดมด้วยสารอาหาร ได้แก่ วิตามินอีในข้าวช่วยไขกระดูกในการสร้างเลือด ช่วยขยายเส้นเลือด ต้านการแข็งตัวของเลือด ลดความสามารถในการจับตัวเป็นลิ่มเลือด และลดอัตราเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด สมอง หัวใจ บำรุงตับ ช่วยระบบสืบพันธุ์เซลล์ประสาทและกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ตามปกติ ทำให้ผิวพรรณสดใส ลดริ้วรอย และช่วยสมานแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกให้หายเร็วขึ้น เป็นต้น ลูทีน ช่วยป้องกันโรคต้อกระจก ที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ เบต้าแคโรทีน ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ หลังจากดูดซึมเข้าสู่ร่างกายช่วยบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยให้กระดูก ผม ฟัน และเหงือกแข็งแรง สร้างความต้านทานให้ระบบหายใจ มีมากในข้าวกล้องข้าวเหนียวก่ำเปลือกดำ ควรบริโภคข้าวก่ำร่วมกับผักพื้นบ้าน เช่น ยอดแค กระถิน ตำลึง ขี้เหล็ก ชะอม ช่วยเพิ่มวิตามินเอให้กับร่างกาย ธาตุเหล็ก พบมากในข้าวหอมมะลิแดง หอมมะลิทั่วไป ทองแดง มีมากในข้าวหอมมะลิแดง ช่วยในการสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย การกำจัดอนุมูลอิสระ การสร้างความยืดหยุ่นของผิวหนัง การขาดทองแดง ก่อให้เกิดภ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธรรมรงค์ คงวัดใหม่ รองผู้ว่าฯ นราธิวาส พร้อมด้วย ดร. จงรัก พลาศัย นายกสภา ม.นราธิวาสราชนครินทร์ ผศ.ดร. รสคนธ์ แสงมณี อธิการบดี ม.นราธิวาสราชนครินทร์ และ นายสุวิทย์ พูนศิลป์ ผู้ช้วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมกิจกรรมเกี่ยวข้าวหอมกระดังงาลิ้มรสชาติ ข้าวหอมกระดังงา ที่ฟาร์มคณะเกษตรศาสตร์เมื่อเร็วๆ นี้ โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ลงแขกเกี่ยวข้าวและร่วมรับประทานข้าวสวยที่เป็นข้าวหอมกระดังงา ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัดนราธิวาส กิจกรรมในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง ม.นราธิวาสราชนครินทร์ และ ธ.ก.ส. ที่ต้องการพัฒนาการเกษตรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยส่งเสริมให้มีการปลูกข้าวหอมกระดังงาในทุกพื้นที่เพื่อส่งเสริมรายได้ให้กับเกษตรกร เนื่องจากเป็นข้าวที่มีมูลค่า และมีคุณค่าทางอาหารสูง เป็นที่ต้องการของท้องตลาด อีกทั้งการส่งเสริมปลูกในมหาวิทยาลัยจะเป็นการส่งเสริมให้นักศึกษาในทุกคณะได้เรียนรู้และสัมผัสการปลูกจนกระทั่งเก็บเกี่ยว สร้างโอกาสในการเรียนรู้ได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ เป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกข้าวหอมกระดังงาแบบนาประณีตในพื้นท
นายธนิตย์ อเนกวิทย์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมแนวทางการสำรวจพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตข้าวหอมมะลิ 2559/60 ว่า ในวันที่ 5-9 พฤศจิกายน 2559 นี้ กระทรวงฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นสำรวจปลูกข้าวหอมมะลิใน 18 จังหวัด แบ่งเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 13 จังหวัด และภาคเหนือตอนล่าง 3 จังหวัด เพื่อต้องการทราบถึงผลผลิตข้าวหอมมะลิทั้งประเทศออกมาเท่าไหร่ และผลผลิตต่อไร่เป็นเท่าไหร่ เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนการผลิตตามแผนข้าวครบวงจรปีการผลิต 2560/61 และข้าวนาปรัง และใช้ข้อมูลประกอบในการคำนวณต้นทุนเกษตรกรและกำไรที่จะเกิดขึ้นด้วย เมื่อได้รับตัวเลขที่แท้จริงก็จะใช้ในการวางแผนได้ อีกทั้งใช้ข้อมูลประกอบทำมาตรการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเหนียว (จำนำยุ้งฉาง) ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) รับจำนำในราคาตันละ 9,500 บาท เพื่อดูดซับข้าว 2 ล้านตัน คาดว่าจะสรุปข้อมูลจากการลงพื้นที่จริงได้ภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 นี้ และเสนอต่อพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเปิดเผยต่อสาธารณชนต่อไป “ตอนนี้ต้องการให้ได้ตัวเลขผลผลิตที่ทุกคนยอมรับ ตัวเ