ครม.
วันนี้ (18 สิงหาคม 2563) การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เผยคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมโครงการประกันรายได้ชาวสวนยาง ระยะ 1 ชง ธ.ก.ส. เร่งจ่ายเงินให้เกษตรกรที่ยังตกค้างอยู่ทันที นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้ผ่านความเห็นชอบอนุมัติวงเงินงบประมาณเพิ่มเติมในโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 1 เป็นเงินกว่า 2,400 ล้านบาท เพื่อจ่ายให้กับเกษตรกรชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการฯ และผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ให้จนครบ โดยที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 จนถึงปัจจุบันได้จ่ายเงินประกันรายได้ให้แก่เกษตรชาวสวนยางที่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ของโครงการแล้ว จำนวน 1,312,871 ราย คิดเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 23,422 ล้านบาท นายณกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจาก ครม. อนุมัติวงเงิน กว่า 2,400 ล้านบาท ในวันนี้แล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการจ่ายเงินเข้าบัญชีของเกษตรกรชาวสวนยางผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินให้กับเกษตรกรชาวสวนยางที่ยังตกค้างได้ทันที แล้วเสร็จไม่เกินกันยายน 2563 นี้  
นายอนันต์ สุววรณรัตน์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า กรมการข้าวเตรียมแผนรับการผลิต ตามแผนการผลิตข้าวครบวงจร ปี 2561/62 ระหว่างเดือน พ.ค.2561-เม.ย.2562 รับการออกมากระจุกตัวของผลผลิตข้าวในช่วงปลายปี ต่อต้นปี ซึ่งอาจทำให้ราคาข้าวตกต่ำ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เตรียมงบประมาณ 6,897.977 ล้านบาท เพื่อดำเนินการ 17 แผนงาน 43 โครงการ ซึ่งยังไม่รวมกับการอุดหนุนดอกเบี้ยกับเกษตรกร เพื่อสร้างยุ้งฉาง ซึ่งต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออุดหนุนดอกเบี้ย 3% เกษตรกร วงเงินเท่าไรนั้น เรื่องนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กำลังรวบรวม ทั้งนี้ ตามแผนลดการผลิตข้าว ตามแผนข้าวครบวงจร โดยการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าว โดยการปรับเปลี่ยนพื้นที่การปลูกพืชให้เหมาะสม ในปี 2560/61 เป้าหมายเพื่อลดพื้นที่ปลูกข้าว 1.25 ล้านไร่ ดำเนินการได้ไม่ถึงครึ่ง หรือมีเกษตรกรสนใจเข้าร่วมโครงการเพียง 5.56 แสนไร่ แบ่งเป็นโครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี 2561 สนับสนุนค่าใช้จ่าย 2,000 บาท/ไร่ รายละไม่เกิน 15 ไร่ โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด 4 แสนไร่ มีเกษตรกรสนใจเข้าร่วมโครงการ 2 ไร่ ห
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ในฐานะประธานอนุกรรมการกองทุน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเร็วๆ นี้ มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการอิสระฯ เสนอร่าง พ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ…. จากนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทั้งนี้ เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด คือ ต้องมีผลบังคับใช้ภายใน 1 ปี หลังรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ประกาศใช้ คาดว่าจะสามารถประกาศใช้ พ.ร.บ.กองทุนฯได้ภายในเดือนเมษายน 2561 ทั้งนี้ กองทุนนี้จะมีสถานะเป็นนิติบุคคล มีเป้าหมายอย่างน้อย 3 เรื่อง คือ 1. จัดทำฐานข้อมูล สถานะความเหลื่อมล้ำในการเข้าสู่การศึกษาของไทย โดยข้อมูลเหล่านี้ ควรเปิดเผยสู่สาธารณะ มีความน่าเชื่อถือ สามารถวิเคราะห์ชี้เป้า วางยุทธศาสตร์ที่ดีในการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ 2. เสริมพลังในแง่ทรัพยากร เช่น ให้การสนับสนุนเม็ดเงินให้องค์กรที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหา และ 3. กองทุนควรมีกลไกการประเมินผลที่ดี ให้ประชาชนรับรู้ เข้าใจถึงผลการดำเนิ
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบกฎกระทรวงการคลังว่าด้วยภาษีสรรพสามิต เพื่อกำหนดอัตราภาษีสุราและยาสูบภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สรรพสามิตฉบับใหม่ ให้สอดคล้องกับกฎหมายสรรพสามิตฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 16 ก.ย.2560 โดยหลักการในการจัดเก็บภาษีสุรา คือ ไม่เก็บเฉพาะภาษีตามมูลค่าเท่านั้น แต่เก็บตามดีกรีของแอลกอฮอลล์ จากเดิมเก็บตามอัตราราคาหน้าโรงกลั่น ปัจจุบันเก็บตามอัตราราคาขายปลีก ขณะที่หลักเกณฑ์ในการเก็บภาษีบุหรี่ คือ เก็บตามอัตรามูลค่าและอัตราต่อมวน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับให้กระทรวงการคลังอธิบายหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนทันทีที่มีการประกาศบังคับใช้ในราชกิจจานุเบกษา ทั้งเรื่องสุรา บุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ด้านนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า คาดว่าจะประกาศลงราชกิจจานุเบกษาก่อนวันที่มีผลบังคับใช้ หรือในวันที่ 15 ก.ย.60 หลังจากนั้นกรมสรรพสามิตจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราภาษีและพระราชบัญญัติทั้งหมดให้รับทราบอีกครั้ง ส่วนอัตราภาษีประเภทอื่นที่ ครม.เห็นชอบไปก่อ
คลังชงครม.คลอดมาตรการสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยรอบแรก 4 หมื่นล้าน ช่วยค่าประปา ค่าไฟ รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี ใส่เงินในบัตรเดือนละพันบาทสำหรับคนจน รายได้ต่ำ 3 หมื่นบาทต่อปี เร่งเคลียร์หนี้นอกระบบ 1.3 ล้านคน 8 หมื่นล้าน ให้หมดในปีนี้ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ในอีก 1-2 สัปดาห์นี้ กระทรวงการคลัง จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยในรอบแรก งบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ได้แก่ ช่วยเหลือค่าน้ำประปา ค่าไฟ รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี ซื้อสินค้าผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นสวัสดิการช่วยเหลือในสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของผู้มีรายได้น้อย ส่วนมาตรการที่เพิ่มเติมในรอบสอง เช่น การจ่ายเงินภาษีให้คนจน(Negative Income Tax:NIT) ให้กับผู้มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท ต่อปี จำนวน 3-4 ล้านคน ต้องรอผลการตรวจสอบสิทธิ์ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยว่ามีจำนวนที่แท้จริงเท่าไร และผลการสำรวจของนักศึกษาว่า ผู้มีรายได้น้อยต้องการให้รัฐบาลช่วยในเรื่องใดบ้าง ซึ่งการช่วยเหลือต้องดูถึงความจำเป็นในชีวิตประจำวันเป็นหลัก “จะเตรียมบัตรสวัสดิการไว้ให้ผู้ที่มีสิทธิ์และจะใส่วงเงินไว้ให้ เช่น หลัก
นายสถิตย์พงษ์ สุดชูเกียรติ ผอ.สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับดูแล บจธ. ได้ลงนามเพื่อนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน ของ บจธ. เข้าสู่ ครม. ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือน จึงจะนำเสนอเรื่องเข้าสู่ ครม. ได้ “กรณีที่ ครม. มีมติเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้นำเงิน 690 ล้านบาท ที่เคยจัดสรรเมื่อปี 2554 ซื้อที่ดินจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไร้ที่ดินทำกิน แต่ บสท. ถูกยุบและที่ดินถูกขายทอดตลาดไปหมดแล้ว ครม. จึงมีมติให้นำเงินดังกล่าวมาใช้ในภารกิจของ บจธ. เช่น จัดซื้อที่ดินเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไร้ที่ดินทำกินตามโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน ในพื้นที่นำร่อง 5 ชุมชน ที่ จ.ลำพูน และเชียงใหม่ ใช้เงิน 167 ล้านบาท จัดซื้อที่ดินให้กับเกษตรกรทั้ง 5 ชุมชน 520 ครัวเรือน เนื้อที่ 800 ไร่ มอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ร่วม ให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพและเป็นที่อยู่อาศัย โดยเกษตรกรต้องรวมกลุ่มตั้งเป็นสหกรณ์เพื่อเช่าซื้อที่ด