จักจั่น
แว่วเสียงจักจั่น…เมนูฤดูร้อนมาถึงแล้ว ชาวบ้านมักเข้าป่าในฤดูร้อนเพื่อจับจักจั่นที่ร้องระงมอยู่ในป่าโปร่ง โดยใช้ไม้ไผ่รวกยาวเฟื้อยเป็นอาวุธ ที่ปลายไม้นั้นติดยางไม้เหนียวที่เรียกว่า “ตัง” จักจั่นมักเกาะอยู่บนเปลือกไม้ต้นสูงในระดับต้องแหงนคอส่องหา สีสันของจักจั่นเป็นสีน้ำตาลไหม้กลืนไปกับเปลือกไม้ ทำให้มองไม่ค่อยเห็นตัวมันหรอก ต้องใช้หูฟังเสียงว่าดังมาจากจุดไหน แล้วสังเกตปีกใสๆ ที่ส่องประกายในแดด เอาปลายไม้ไปแตะเบาๆ ตังเหนียวหนับแค่โดนปีกจักจั่นก็ดูดแมลงทั้งตัวลงมา วิธีนี้ปีกจักจั่นจะขาดรุ่งริ่ง ตัวจักจั่นที่ติดปลายไม้จะถูกดึงออกจากยางยัดลงไปในข้อง ทีละตัวๆ เพื่อนำไปปรุงอาหารในเมนูก้อย-ลาบ แกงผักหวานป่าใส่จักจั่นฤดูร้อน เด็กๆ ก่อไฟเอาจักจั่นเสียบไม้ปิ้งหอม…กลิ่นควันไฟอยู่ในเสียงจี่ๆ ของแมลงรสเลิศจากกองไฟอวลอยู่ในสายลมร้อน ส่วนจักจั่นตัวสวยๆ ที่วางขายในตลาด ชาวบ้านจะออกล่ากันตอนกลางคืน แม้แมลงยังไม่ร้องให้ได้ยินเสียง แต่ถ้ารู้จักต้นไม้ที่จักจั่นชอบ แค่ไปยืนใต้ต้นไม้ ถ้ารู้สึกว่ามีละอองน้ำเป็นฝอยตกลงมาคือ “เยี่ยวจักจั่น” ชาวบ้านจะลงมือเขย่าต้นไม้ให้จักจั่นร่วงลงสู่พื้น จากนั้นก็ใ
ยังอยู่กันที่นี่ หมู่บ้านชายแดนไทย-เขมร ที่มีผู้คนหลากหลาย หมู่บ้านนี้มีชื่อเสียงด้านการทำงานช่าง งานไม้ ทำเฟอร์นิเจอร์ ของที่ระลึก ควบคู่ไปกับงานด้านการเกษตร ชื่อหมู่บ้านสวนส้ม บ้านสวนส้มในวันนี้ เป็นหมู่บ้านกล้วยไข่ มีการปลูกกล้วยไข่ถึงสามสี่พันไร่ ส่งออกประเทศจีนเป็นพืชเศรษฐกิจ กล้วยไข่ ที่นี่ลูกใหญ่มาก จนพูดได้ว่าไม่เคยเห็นกล้วยไข่ที่ไหนลูกใหญ่ได้เท่านี้ ใครมาที่นี่ได้กินกล้วยไข่ หรือได้กล้วยไข่เป็นของฝาก เห็นกล้วยไข่ที่นี่แล้วอยากกลับไปปลูกกล้วยไข่ที่บ้าน เพราะราคาดีมากด้วย กล้วยไข่ จะให้ผลผลิตในช่วงแปดเดือน นานถึงสามปี คือหน่อมันจะขึ้นมาเรื่อยๆ และตัดแต่งหน่อ สามปีก็ปลูกใหม่คัดเลือกหน่อพันธุ์ ดินที่นี่เหมาะกับการปลูกกล้วยไข่และทำการเกษตร “ราคากล้วยไข่หน้าสวนกิโลละ 70 บาท ตัดส่งไปตอนเขียวๆ เกือบจะสุก ถ้ารอให้สุกมันจะแตก เราจะตัดกล้วยแบบ 80 เปอร์เซ็นต์” แม่บ้านบอก “แรงงานส่วนหนึ่งมาจากเพื่อนบ้าน ชายแดนกัมพูชา เป็นเพื่อนบ้าน เป็นแรงงาน และทำธุรกิจกันด้วย” แม่บ้านอีกคนเล่า บ้านสวนส้ม สอยดาว จันทบุรี เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งที่พร้อมเปิดประตูสู่การท่องเที่ยวในวิถีชุมชน ทั้งเส้นทางท่องเที่ย
เธอเป็นราชาและราชินีของฤดูร้อน เสียงแรกที่ได้ยินในรอบปีมีความหมายสำหรับฉัน มันเป็นความผูกพันพิเศษระหว่างเรา ที่ดึงตัวตนของฉันย้อนสู่อดีตได้เสมอ … จำไม่ได้แล้วว่าปีไหน ฉันไปเดินอยู่ชายขอบภูพานแถวอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม แถบถิ่นพื้นที่สีแดงเข้มในอดีตช่วงที่มีการเคลื่อนไหวอย่างฮึกเหิมของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หรือ พคท. เด็กสาวที่ไม่ประสีประสาไม่รู้หรอกว่าสงครามอุดมการณ์และการสู้รบดำเนินไปเพื่อสิ่งใด ฉันยังเป็นเด็กประถม แค่เข้าป่าในฤดูร้อนเป็นปกติ ไปกับน้าสาวและญาติๆ เพื่อจับจักจั่น มันร้องระงมอยู่ในป่าโปร่งที่ฉันไม่รู้พิกัด ได้แต่เดินตามผู้ใหญ่เข้าไปเพื่อ “ติดจักจั่น” เสียงแมลงพวกนั้นดังกระหึ่มก้องไปทั้งป่า ดังกว่าสรรพสำเนียงหมู่สัตว์ใดในชีวิตที่เคยได้ยินมา … พวกเรามีไม้ไผ่รวกยาวเฟื้อยเป็นอาวุธ ที่ปลายไม้นั้นติดยางไม้เหนียว ที่เรียกว่า “ตัง” ฉันไม่รู้ว่าตังมีส่วนผสมจากยางไม้อะไรบ้าง รู้แต่ว่ามันเหนียวหนึบ เหนียวแบบติดมือ ติดเนื้อติดตัว และติดผมเผ้า ชนิดที่ว่าต้องระวังให้มากๆ น้าบอกว่า อย่าให้ตังติดเสื้อหรือผมเด็ดขาด เพราะยางตังล้างไม่ออก ถ้าติดผมก็ต้องตัดผมกระ
จีนเผชิญจักจั่นล้นเมือง พืชผักเสียหาย ขอประชาชนจับ “จักจั่น” กิน แก้ปัญหา จับจักจั่นกิน – วันที่ 14 ก.ค. เน็กซ์ชาร์ก รายงานว่า องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางตอนใต้ของประเทศจีน ได้ร้องขอให้ประชาชนช่วยกันลดจำนวนประชากร จักจั่น บนถนนที่เพิ่มจำนวนมากจนทำพืชผลทางการเกษตรเสียหาย โดยการจับพวกมันและนำมาทำเป็นอาหาร “มีจักจั่นจำนวนมากเกินไป คนที่ชอบกินแมลง ได้โปรดมาจับไปด้วย” องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นกล่าวขอความร่วมมือกับประชาชน แม้จะมีประชาชนบางกลุ่มแสดงออกว่าไม่ชอบกินจักจั่น แต่ประชาชนอีกกลุ่มก็ให้ความร่วมมือทันทีโดยเริ่มจับจักจั่นและนำมาทำเป็นอาหาร ทั้งยังมีวิดีโอการปรุงจักจั่นยังถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ของจีนอีกด้วย ฟู้ดบล็อกเกอร์ชื่อดังของเมืองหางโจว ที่ใช้ชื่อว่า ‘Private Dining’ ได้อัพโหลดวิดีโอขณะที่เขาจับจักจั่น และนำมาทำอาหาร ภายในคลิปจะเห็นว่าเขาทอดมันในกระทะเหล็กขนาดใหญ่ โดยระบุข้อความว่า “จักจั่นสดใหม่ทอดกรอบ อร่อยมาก!”ซุน เสี่ยวผิง นักออกแบบผังเมืองกล่าวว่า สาเหตุที่จักจั่นมีจำนวนมากเกินปกติ เป็นเพราะมันมีศัตรูทางธรรมชาติน้อยมาก “ปกติแล้วจักจั่
ปัจจุบัน ป่าไม้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมากอาจมีผลให้สมดุลของระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ทำให้อาหารตามธรรมชาติมีปริมาณลดลง จากสาเหตุดังกล่าว ส่งผลให้จักจั่น (Platypleura cespiticola Boulard) ซึ่งจัดเป็นศัตรูป่าไม้ เริ่มเข้าทำลายพืชผลทางการเกษตร โดยตั้งแต่ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่า พบจักจั่นระบาด และเข้าทำลายพื้นที่ปลูกอ้อยในจังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ อำเภอสามชุก ศรีประจันทร์ และอำเภอแสวงหา และพื้นที่ปลูกอ้อยในจังหวัดอื่นๆ เช่น จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และจังหวัดใกล้เคียงที่เสี่ยงต่อการระบาดของจักจั่น ในอดีตการศึกษาวงจรชีวิตของจักจั่นมีค่อนข้างน้อย จึงทำให้ไม่ทราบวงจรการระบาดของจักจั่นเท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 ที่ผ่านมา พบจักจั่นในระยะตัวเต็มวัย ตั้งแต่เดือนเมษายน-กรกฎาคม ในไร่อ้อยและเมื่อเดินเข้าไปในไร่จะเห็นจักจั่นบิน หรือได้ยินเสียงร้องในไร่อ้อย ดังนั้น ขอให้เกษตรกรหมั่นสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ หากสำรวจพบจักจั่น ให้ขอคำแนะนำจากสำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัด เพื่อดำเนินการควบคุมและป้องกันกำจัดทันที ระยะที่ทำความเสียหายให้กับอ้อย คือระยะตัวอ่อน ซึ่ง
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเข้าช่วงฤดูแล้งของทุกปี ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนเมษายน ถึงแม้ชาวบ้านในพื้นที่ จ.นครพนม จะประสบปัญหาภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำในการเกษตร ทำให้หลายพื้นที่ต่างพากันหาอาชีพเสริม ด้วยการออกล่าของป่าขาย โดยเฉพาะอาชีพที่สร้างรายได้ดีที่สุดอาชีพหนึ่งในช่วงฤดูแล้ง คือ การออกล่าจักจั่นขาย เนื่องจากเป็นอาหารป่า ที่ได้รับความนิยม และเป็นที่ต้องการของตลาด ปีไหนหายากจะมีราคาแพงตัวละ 2 -3 บาท โดยในช่วงฤดูแล้ง ชาวบ้านจะพากันออกไปล่าจักจั่นตามวิถีชีวิตภูมิปัญญาชาวบ้าน ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ตามป่าเต็ง ป่ารัง ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งใช้วิธีนำยางไม้ไปติด หรือจะมีการออกไปส่องหาในเวลากลางคืนตามความถนัด เช่นเดียวกันกับตลาดสดเทศบาลตำบลนาแก อ.นาแก จ.นครพนม ถือเป็นตลาดศูนย์กลางอาหารพื้นบ้าน ที่สำคัญของ จ.นครพนม ทำให้ในช่วงฤดูแล้ง บรรดาพ่อค้าแม่ค้า ต่างพากันนำอาหารป่ามาวางขาย ประกอบด้วย ไข่มดแดง แมงแคง จักจั่น ผักหวาน ถือเป็นเมนูยอดฮิตที่ชาวบ้านนิยมซื้อไปปรุงเป็นเมนูเด็ด โดยเฉพาะจักจั่น ถือเป็นเมนูอาหารป่า ที่หายาก 1 ปี มีครั้งเดียว ในปีนี้มีราคาแพงตกตัวละประมาณ 2 -3 บาท