จังหวัดพัทลุง
ชาวบ้านบ้านขันหมู่ พื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลนาขยาด อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำสวนยางพารา ปลูกพืชผัก และเลี้ยงสัตว์ ซึ่งส่วนหนึ่งจะมีเวลาว่างจากอาชีพหลักในช่วงบ่าย ทำให้ชาวบ้านจำนวนหนึ่งมีแนวคิดในการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ จึงรวมกันจัดตั้งกลุ่มแม่บ้านผลิตไข่เค็มน้ำแร่ขึ้น เพื่อสร้างรายได้จุนเจือครอบครัวเสริมจากอาชีพหลัก คุณนาตยา แท่นรัตน์ ประธานกลุ่มแม่บ้านผลิตไข่เค็มน้ำแร่ บอกด้วยว่า ตนเองเป็นแม่บ้านตำรวจ ซึ่งหลังจากที่สามีย้ายมาประจำที่สถานีตำรวจภูธรนาขยาด อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ตนเองได้ลาออกจากบริษัทในกรุงเทพฯ มาอยู่กับครอบครัวในพื้นที่จังหวัดพัทลุง หลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่ มีแนวคิดในการสร้างอาชีพและรายได้เสริมให้กับครอบครัว จึงได้ชักชวนชาวบ้านในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้สถานีตำรวจภูธรนาขยาด อำเภอควนขนุน รวมกลุ่มกันผลิตไข่เค็มน้ำแร่เพื่อสุขภาพ เพื่อเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้าน ซึ่งไข่เค็มดังกล่าว ที่ทางกลุ่มผลิตขึ้นมา นับเป็นไข่เค็มเพื่อสุขภาพ โดยแบ่งการผลิตไข่เค็มออกเป็น 2 ชนิด คือ ไข่เค็มน้ำแร่ใบเตยหอม และไข่เค็มน้ำแร่จมูกข้าวสังข์หยด ส่วนวั
กรมชลประทาน เข้าร่วมประชุมหารือกรณีปัญหาความเสื่อมโทรมของ “ทะเลสาบสงขลา” พร้อมหาแนวทางแก้ไข หวังให้สภาพแวดล้อมของทะเลสาบสงขลากลับมาดีขึ้นดั่งเช่นในอดีต นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เข้าร่วมประชุมหารือกรณีปัญหาความเสื่อมโทรมของ “ทะเลสาบสงขลา” และแนวทางแก้ไขปัญหา โดยมี พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจราชการแผ่นดิน เป็นประธานการประชุมฯ ร่วมกับ นายวรณัฏฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และ นายเดช เล็กวิชัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 16 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดสงขลา จังหวัดพัทลุง และจังหวัดนครศรีธรรมราช ณ ห้องประชุม โรงแรมต้นอ้อย แกรนด์ ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา การประชุมในครั้งนี้ เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์และปัญหาความเสื่อมโทรมของ “ทะเลสาบสงขลา” การดำเนินงานต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาวินิจฉัย และนำเสนอข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐต่อการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของทะเลสาบสงขลา ซึ่งในส่วนของกรมชลประทาน ไ
กรมชลประทาน เข้าร่วมประชุมหารือกรณีปัญหาความเสื่อมโทรมของ “ทะเลสาบสงขลา” พร้อมหาแนวทางแก้ไข หวังให้สภาพแวดล้อมของทะเลสาบสงขลากลับมาดีขึ้นดั่งเช่นในอดีต นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เข้าร่วมประชุมหารือกรณีปัญหาความเสื่อมโทรมของ “ทะเลสาบสงขลา” และแนวทางแก้ไขปัญหา โดยมี พลเอกวิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจราชการแผ่นดิน เป็นประธานการประชุมฯ ร่วมกับ นายวรณัฏฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และ นายเดช เล็กวิชัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 16 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดสงขลา จังหวัดพัทลุง และจังหวัดนครศรีธรรมราช ณ ห้องประชุม โรงแรมต้นอ้อย แกรนด์ ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา การประชุมในครั้งนี้ เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์และปัญหาความเสื่อมโทรมของ “ทะเลสาบสงขลา” การดำเนินงานต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาวินิจฉัย และนำเสนอข้อเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐต่อการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของทะเลสาบสงขลา ซึ่งในส่วนของกรมชลประทาน ได้
วันที่ 8 ธันวาคม 2563 คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ศรีวิชัย ได้ลงพื้นที่ออกหน่วยบริการวิชาการ เพื่อช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ทะเลน้อย โดยมี ผศ.น.สพ. สิริศักดิ์ ชีช้าง คณบดี น.สพ. โฆษิต อารีกิจ น.สพ. จตุรพัตน์ คำแป้น นายเสกสรรค์ ธัญญาลักษณ์ และ นางสาวราตรี แมรอ ได้ร่วมออกพื้นที่ในครั้งนี้ ณ ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง
นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลศึกษาภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช 10 อำเภอ จังหวัดพัทลุง 2 อำเภอ และจังหวัดสงขลา 1 อำเภอ พื้นที่รวม 2.12 ล้านไร่ (ข้อมูลจากกรมพัฒนาที่ดิน) โดยเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงภาวะเศรษฐกิจสังคมครัวเรือนของครัวเรือนเกษตร ปี 2562 กับปี 2552 หรือในรอบ 10 ปี ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมรายได้ให้แก่ราษฎร โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 8 จังหวัดสุราษฎร์ธานี (สศท.8) พบว่า ปี 2562 ครัวเรือนเกษตรที่มีพื้นที่อยู่ในโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง มีจำนวน 83,983 ครัวเรือน จำนวนสมาชิกเฉลี่ย 3 คน/ครัวเรือน ลดลงร้อยละ 14.79 มีพื้นที่ถือครองเฉลี่ย 16.40 ไร่/ครัวเรือน ลดลงร้อยละ 20.43 สำหรับพื้นที่การเกษตร พบว่า มีพื้นที่ปลูกข้าว 303,923 ไร่ ลดลงจากปี 2552 ร้อยละ 30.95 และมีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน 367,011 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 310.27 ผลตอบแทนการปลูกป
นับเป็นการเพิ่มมูลค่า “กล้วยไข่” ที่น่าสนใจทีเดียว สำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านลำสินธุ์ ตำบลลำสินธุ์ อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ “กล้วยไข่กรอบแก้ว” จากกล้วยไข่ในสวน ราคากิโลกรัมละเพียง 3 บาท สร้างสรรค์เป็นสแน็กกล้วยชั้นเยี่ยม รสชาติหลากหลาย ตอบโจทย์คนรักสุขภาพในยุคปัจจุบัน พอมีโอกาสเข้าไปขายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ไม่นาน ลูกค้าต่างชื่นชอบ สร้างรายได้ให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน 300,000 – 400,000 บาท ต่อเดือน ทำให้สมาชิกกว่า 15 ครัวเรือน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่สำคัญชาวสวนกล้วยไข่ยังมีออเดอร์ต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพราะทางกลุ่มวิสาหกิจรับซื้อพร้อมประกันราคาให้อีกด้วย หากย้อนไปดูที่มาของความสำเร็จของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้จะพบว่า เกิดจากความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือเกษตรกร ของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และผู้นำในชุมชนบ้านลำสินธุ์ ตำบลลำสินธุ์ อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง นางประทิ่น นาคมิตร วัย 64 ปี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านลำสินธุ์ เล่าว่า ปี พ.ศ. 2540 เข้ามารับช่วงต่อเป็นประธานกลุ่ม ด้วยความตั้งใจหลักคือ นำพากลุ่มให้อยู่รอด และช่วยเหลือเกษตรกรในท้องถิ่นให้ม
“กลุ่มเกษตรกรทำนาตะโหมด” นับเป็นสถาบันเกษตรกรแห่งความภาคภูมิใจของชาวตะโหมด อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง ซึ่งก่อตั้งมานานตั้งแต่ปี 2517 มีสมาชิกแรกตั้ง 67 คน ด้วยทุน 3,350 บาท ผ่านไป 45 ปี ปัจจุบันมีสมาชิก 1,857 คน ทุนเรือนหุ้น 47 ล้านบาท และทุนสำรอง 26 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรทำนาตะโหมดมีการดำเนินงานที่เข้มแข็ง เป็นองค์กรที่ช่วยเหลือและส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกรในพื้นที่ได้อย่างดี จากโครงการ “เปลี่ยนนาร้างเป็นนาข้าว” ทำให้เกษตรกรในพื้นที่สามารถพลิกฟื้นความเป็นอยู่ มีรายได้มั่นคง ขณะเดียวกันทางกลุ่มเกษตรกรทำนาตะโหมดก็มีการพัฒนาในทุกๆ ด้าน สามารถทำหน้าที่ช่วยเหลือและเป็นที่พึ่งของเกษตรกรในพื้นที่ได้อย่างดี จนได้รับการยกย่องให้เป็นกลุ่มเกษตรกรตัวอย่าง และได้รับรางวัลรางวัลระดับชาติถึง 5 ครั้ง โดยในปี พ.ศ. 2526 เป็นกลุ่มเกษตรกรที่มีผลงานดีเด่นระดับประเทศ ปี พ.ศ. 2535 ได้รับรางวัลทำนาดีเด่นระดับชาติ และในปี พ.ศ. 2529, พ.ศ. 2548 และพ.ศ. 2555 ได้รับรางวัลกลุ่มเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ เข้ารับพระราชทานโล่ในพระราชพิธีพืชมงคล จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา นางสาวมนัญญา ไทย
ตะลอนทัวร์ ไปกับฝรั่งอารมณ์ดีอย่าง “แดเนียล เฟรเซอร์” พาไปถ่ายรูปเช็คอินชิลๆ นั่งชมวิวยามเย็น เรียนรู้แหล่งวัฒนธรรมของชาวใต้ ชิมอาหารและนวดคลายเส้น พร้อมลุยเส้นทางสายน้ำ ล่องแก่งที่ “หนานมดแดง” จังหวัดพัทลุง ล่องเรือกลางทุ่งนาสุดเก๋ที่ “ร้านสำเภาไทย” ร่วมเฟรมคู่กับน้องคิงคองยักษ์ พร้อมชมตลาดนัดในชุมชนชิมขนมขึ้นชื่ออย่าง ขนมชมดาว หรือ ขนมขี้มอด จากนั้นแวะรับลมชมวิว รับประทานอาหารที่ “ร้านวิวยอ” ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมวิวอันสวยงามอันดับต้นๆ ของเมืองไทย แล้วไปร่วมเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวใต้อย่างหนังตะลุงกันที่ “นาโปแก” ลิ้มลองแกงคั่วกลิ้งสมุนไพรสูตรเด็ดเฉพาะถิ่น จากนั้นเข้าเมืองมายัง “ร้านแบบไทย” ที่โดดเด่นในเรื่องของอาหารเพื่อสุขภาพอย่าง ยำมะม่วงปลาลูกเบร่ แกงส้มปลากดลูกเขาคัน พร้อมมีร้านนวดให้ได้ผ่อนคลายกันอยู่ใกล้ๆ และพลาดไม่ได้กับกิจกรรมล่องแก่งที่ “หนานมดแดง” ซึ่งมีแก่งทั้งหมด 40 แก่ง ระยะทางยาวถึง 7 กม. ที่พร้อมจะให้ความสนุกแก่นักผจญภัยทุกคน หลงใหลไปกับธรรมชาติและวัฒนธรรมแดนใต้กับ “แดเนียล เฟรเซอร์” ในรายการหลงรักยิ้ม วันเสาร์ ที่ 21 กันยายน 2562 เวลา 14.00 น. ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 พ
สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน เป็นอย่างไรกันบ้างหนอในช่วงที่ผ่านมา เราต้องเจอกับเรื่องราวของฝุ่นที่คลุมเมือง เรื่องราวของหน้ากากกันฝุ่นที่หาซื้อไม่ได้ กระทั่งได้เห็นนวัตกรรมกำจัดฝุ่นใหม่ๆ ทั้งพ่นจากโดรนและเครื่องบินเล็กและจากตึกสูงต่างๆ อาจมีบางคนไม่ถูกใจในการแก้ปัญหาอยู่บ้าง แต่ความสำคัญในครั้งนี้ก็ได้เห็นน้ำใจของผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ไม่รู้สิ ไม่ว่าเหตุการณ์ในประเทศจะมีปัญหาอะไร หากเมื่อมีภัยใดๆ เราคนไทยพร้อมที่จะร่วมมือกันเสมอ อยากทำความเข้าใจกันสักนิดสำหรับโลกในยุคใหม่ ที่เน้นผลการประกอบการและรุกรานธรรมชาติ เราเคยสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติไปมากมายเพื่อแลกมากับคำว่า พัฒนา และเราก็ไม่เคยนำเรื่องราวดังกล่าวมาเป็นบทเรียนอย่างแท้จริง ทุกวันนี้เหมือนเราเดินตามหลังปัญหา คอยแก้ไขเท่านั้น สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ มีโอกาสได้เดินทางไปที่จังหวัดพัทลุง โดยได้รับเชิญให้ไปเปิดสัมมนาการปลูกมะละกอครบวงจร เพื่อสร้างรายได้ทดแทนรายได้หลักจากยางพาราและปาล์มน้ำมัน ที่จัดโดย อบต.ทุ่งนารี อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง มะละกอ ยังเป็นพืชชนิดใหม่ของพื้นที่ เพราะอาชีพหลักของพี่น้องเกษตรกรก็คือสวนยางพาราและ
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) นำโดย คุณพณัชฎา ทวีวงษ์ (คนที่ 4 จากขวา) ผู้จัดการทั่วไปแม็คโคร สาขาพัทลุง ผนึกกำลังกับจังหวัดพัทลุง และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด เร่งช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกพริกจังหวัดพัทลุง จากปัญหาราคาสินค้าตกต่ำ ร่วมเปิดงานเทศกาล “แม็คโครชวนกินพริก ช่วยเกษตรกรชาวสวนพริกพัทลุง” ภายใต้โครงการ “แม็คโครคัดสรรคุณภาพ เคียงข้างเกษตรกรไทย” พร้อมร่วมปล่อยขบวนคาราวานพริกจากพัทลุงเชื่อมโยงตลาดสู่แม็คโคร 14 สาขา ทั่วภาคใต้ โดยได้รับเกียรติจาก คุณกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง (คนที่ 4 ซ้าย ) ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี ณ แม็คโคร สาขาพัทลุง