ดอกกระเจียว
พูดถึง กระเจียว หลายคนคงนึกถึงภาพทุ่งกระเจียวสีชมพูอมม่วงที่สวยสดงดงามในช่วงหน้าฝน ที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ แต่ในความเป็นจริงดอกกระเจียวใช่จะมีไว้ดูเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่บางสายพันธุ์ยังสามารถนำมารับประทานได้ด้วย ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคยรับประทานดอกกระเจียวมาก่อน อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านในจังหวัดยโสธรรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะรับประทานกันเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะการนำมาต้มจิ้มน้ำพริกต่างๆ ซึ่งใครที่เคยได้ลิ้มรสต่างติดใจกันเป็นแถว ดอกกระเจียวหวาน ทำได้สารพัดเมนู ด้วยความที่เห็นช่องทางการตลาดอันสดใสของดอกกระเจียว คุณเมืองชัย ทองลา หรือ คุณโบ้ อายุ 27 ปี ซึ่งจบ ปริญญาตรี (เทคโนโลยีการผลิตสัตว์) สาขาส่งเสริมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ จึงได้รวมกลุ่มชาวบ้านจดทะเบียนจัดตั้งเป็น “วิสาหกิจชุมชนดอกกระเจียวหวานบ้านโคกนาโก” อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร โดยตัวเขาเองทำหน้าที่เป็นเลขานุการของกลุ่ม จากแรกเริ่มมีแค่ 20 คน ตอนนี้เพิ่มเป็น 50 คนแล้ว ปัจจุบันมีเนื้อที่ปลูกโดยรวม ประมาณ 20 ไร่ และมีแนวโน้มขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นอีก เพราะเห็นชัดว่าเป็นพ
ศกอ. จ.นครราชสีมา ลุยปลูก ‘ดอกกระเจียว’ สร้างกำไรปีละ 51,472 บาท/ไร่ มุ่งขยายผลสู่เกษตรกรในพื้นที่ ผ่าน ศพก. สร้างอาชีพ-รายได้ ช่วงวิกฤตโควิด นางสุจารีย์ พิชา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 นครราชสีมา (สศท.5) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า “ดอกกระเจียว” นับเป็นสินค้าเกษตรทางเลือกที่มีอนาคต สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี ซึ่งจังหวัดนครราชสีมาเริ่มมีเกษตรกรให้ความสนใจและมีการปลูกกระเจียวกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากดอกกระเจียวเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย ได้รับความนิยมนำไปประกอบอาหารได้หลายเมนู มีรสเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอม สรรพคุณแก้อาการท้องอืด ลดกรดในกระเพาะอาหาร จึงทำให้ดอกกระเจียวเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียง จากการติดตามสถานการณ์การผลิตและตลาดสินค้าดอกกระเจียวในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา โดยการสัมภาษณ์ นายนพนันท์ คงพุดซา เศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.) อำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา ของ สศก. ที่ประสบความสำเร็จในการปลูกดอกกระเจียวเพื่อจำหน่าย บอกเล่าว่า เดิมครอบครัวตนมีอาชีพทำนาอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก จึงต้องแบกรับความเสี่ยงสูง
ทุกวันนี้ “ปทุมา และ กระเจียว” ไม้ดอกไม้ประดับพื้นบ้านของไทยกลายเป็นไม้ดอกที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ และอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง และสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี กลายเป็นสินค้าส่งออกขายดี (หัวพันธุ์ และไม้ตัดดอก) อันดับ 2 ของประเทศ รองจากสินค้ากล้วยไม้ โดยสหรัฐอเมริกาและยุโรปเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สั่งซื้อปทุมาและกระเจียวจากไทย ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาทต่อปี เพราะไม้ดอกทั้งสองชนิดมีสีสันและรูปทรงที่สวยงาม แถมมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 1 สัปดาห์ ศูนย์บริการการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่ จุดเริ่มต้นที่ทำให้เกษตรกรไทยจำนวนมาก ได้มีอาชีพและรายได้ที่มั่นคงจากการปลูกไม้ดอกไม้ประดับในวันนี้ เกิดจากแนวพระราชดำริส่งเสริมอาชีพราษฎรของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ 80,000 บาท ให้ ดร. พิศิษฐ์ วรอุไร คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2522 เพื่อจัดตั้งศูนย์บริการการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ณ ตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชี
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงโปรดดอกไม้ไทยและสนพระราชหฤทัยในการส่งเสริมดอกไม้ให้มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม และดิ เอ็มควอเทียร์ จึงจัดทริปชมแปลงไม้ดอก “กระเจียว ปทุมมา” ซึ่งปัจจุบันสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย และเป็นดอกไม้เศรษฐกิจส่งออกเป็นลำดับที่ 2 รองจากกล้วยไม้ ณ จ.เชียงใหม่ รศ.โสระยา ร่วมรังษี ผู้อำนวยการศูนย์บริการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เล่าว่า จากสายพระเนตรอันยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่มีพระราชดำริให้ทดลองปลูกไม้ดอกเมืองหนาวของต่างประเทศ นำมาสู่การศึกษาและพัฒนาพันธุ์ไม้ดอกจนเป็นศูนย์นี้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาเราได้พัฒนาสายพันธุ์ไม้ดอกเมืองหนาวให้สามารถปลูกทนแดดทนร้อนในไทยได้ อาทิ แกลดิโอลัส ต่อมาได้พัฒนาสายพันธุ์ไม้ดอกไทยให้มีความสวยงามและแข็งแรงยิ่งขึ้น อย่างดอกกระเจียวและปทุมมา ที่เดิมถูกมองเป็นดอกไม้ไหว้พระ เราก็มาคิดว่าจะทำอย่างไรให้สามารถใช้ได้ในทุกโอกาส ลดการนำเข้าดอกไม้จากต่างประเทศที่มีมูลค่าถึง 500 ล้านบาทต่อปี เ
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงโปรดดอกไม้ไทยและสนพระราชหฤทัยในการส่งเสริมดอกไม้ให้มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม และดิ เอ็มควอเทียร์ จึงจัดทริปชมแปลงไม้ดอก “กระเจียว ปทุมมา” ซึ่งปัจจุบันสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย และเป็นดอกไม้เศรษฐกิจส่งออกเป็นลำดับที่ 2 รองจากกล้วยไม้ ณ จ.เชียงใหม่ รศ.โสระยา ร่วมรังษี ผู้อำนวยการศูนย์บริการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เล่าว่า จากสายพระเนตรอันยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่มีพระราชดำริให้ทดลองปลูกไม้ดอกเมืองหนาวของต่างประเทศ นำมาสู่การศึกษาและพัฒนาพันธุ์ไม้ดอกจนเป็นศูนย์นี้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาเราได้พัฒนาสายพันธุ์ไม้ดอกเมืองหนาวให้สามารถปลูกทนแดดทนร้อนในไทยได้ อาทิ แกลดิโอลัส ต่อมาได้พัฒนาสายพันธุ์ไม้ดอกไทยให้มีความสวยงามและแข็งแรงยิ่งขึ้น อย่างดอกกระเจียวและปทุมมา ที่เดิมถูกมองเป็นดอกไม้ไหว้พระ เราก็มาคิดว่าจะทำอย่างไรให้สามารถใช้ได้ในทุกโอกาส ลดการนำเข้าดอกไม้จากต่างประเทศที่มีมูลค่าถึง 500 ล้
ขึ้นเหนือ…ไปเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ครั้งใด ก็คงหนีไม่พ้นการไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวดัง แวะจุดแลนด์มาร์คที่ต้องไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึกทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างออกไป “ประชาชาติธุรกิจออนไลน์” พาชมศูนย์บริการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ส่องที่มาและเบื้องหลังการจัดงานสุดยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม ๘๕ พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และเทศกาลวันแม่แห่งชาติ 12 ส.ค. 2560 โดยศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรี่ยม จะจัดงาน “ปทุมมาราชินีป่าฝน” Emporium The Queen of Tropical Rainforest ครั้งนี้จะมีการนำกระเจียวและปทุมมากว่า 2 แสนดอกมาจัดแสดงในวันที่ 9-14 ส.ค. นี้ โดย สุธาวดี ศิริธนชัย รองกรรมการผู้จัดการศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรี่ยม เล่าถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน “ปทุมมาราชินีป่าฝน” ในครั้งนี้ว่าต้องการน้อมนำพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ต้องการให้ผลผลิตจากดอกไม้สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร จึงร่วมกับอุทยายนดอกไม้ เพ ลา เพลิน จ.บุรีรัมย์ สร้างอาชีพให้แก่เกษตรกร และน้อมนำพระราชดำรินั้นมาจัดงานเพพื่อเฉลิมพระเกียรติให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราช
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ดอกกระเจียวบานแล้วที่ห้วยแม่พวก อ.เด่นชัย จ.แพร่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีดอกกระเจียวสีส้มใต้สวนป่าไม้สักแห่งแรกของประเทศ มีความสวยงามสำหรับการเยี่ยมชม แม้ขณะนี้จะเป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่การท่องเที่ยวซบเซาบ้าง แต่ปรากฏว่ายังมีนักท่องเที่ยวที่สนใจการเดินทางในฤดูฝนดูธรรมชาติที่สวยงามและเข้าชมไม้ดอกเมืองร้อนกำลังผลิบานอย่าง “กระเจียว” ซึ่งถือเป็นไม้ท้องถิ่นมีขี้นอยู่ทั่วไปในภูมิภาคอาเซียน และมีมากในเขตป่าร้อนชื้น โดยดอกกระเจียวที่ อ.เด่นชัย มีสีส้มสด สวยงามมาก กำลังบ้านสะพรั่งไปทั้งป่า พบมีดอกกระเจียวในป่าจำนวนมาก ที่ป่าสงวนแห่งชาติ ห้วยไร่ -บ่อแก้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะเข้าชมดอกกระเจียวสีส้มได้สะดวก สามารถเดินทางไปที่สถานีรถไฟแม่พวก หมู่ 5 ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ บริเวณหน้าสถานีจะมีพื้นที่ปลูกไม้สัก เป็นป่าปลูกหรือสวนป่าไม้สักแห่งแรกของประเทศ ใต้ดงไม้สักขนาดใหญ่นั้นจะมีดอกกระเจียวสีส้มซึ่งเป็นกระเจียวท้องถิ่นขึ้นอยู่โดยทั่วไป และยังมีดอกเข้าพรรษาสีเหลืองดอกใหญ่สวยงามมาก มีเนื้อที่ที่จะชมดอกกระเจียวและความหลากหลายทางชีวภาพได้ โดยทางหมู
เริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้ดอกไม้ทางธรรมชาติเริ่มออกดอกสวยงาม โดยเฉพาะทุ่งดอกกระเจียว ที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาน้อย เขาประดู่ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ได้ร่วมกับชุมชนตำบลบ้านยางปลูกดอกกระเจียวพันธุ์ที่พบในพื้นที่ไว้จำนวนกว่า 15 ไร่ กำลังออกดอกสวยงาม ตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยว ที่ชื่นชอบชมดอกไม้ทางธรรมชาติ วันที่ 29 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาน้อย-เขาประดู่ หมู่ 2 ต.บ้านยาง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ดอกไม้นานาชนิดกำลังออกดอกสวยงาม โดยเฉพาะทุ่งดอกกระเจียว ที่ทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาน้อย เขาประดู่ ได้ร่วมกับชุมชนตำบลบ้านยาง ปลูกต้นกระเจียวพันธุ์พื้นถิ่น ที่พบขึ้นทั่วไปในพื้นที่ ในปีที่ผ่านมาจำนวนกว่า 15 ไร่ ซึ่งจากแผนที่กำหนดจะปลูกในพื้นที่ 30 ไร่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมดอกกันขณะนี้ในช่วงฤดูฝนเช่นนี้ กันแล้ว บางลำต้นก็เป็นสีชมพู อมแดง บางต้นก็เป็นสีขาว สวยงามแต่ต่างกันไป นายวาที วีรกิโกศล หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาน้อย-เขาประดู่ กล่าวว่า ทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาน้อย เขาประดู่ ได้ทำการปลูกต้นกระเจียวไว้ เพื่อให้นั