ดอกเบญจมาศ
วันที่ 23 มิถุนายน 2566 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จัดพิธีส่งมอบต้นกล้าพันธุ์เบญจมาศเหลืองขมิ้นปลอดโรค และสายพันธุ์ใหม่ “TISTR NRCT-01” และส่งมอบเครื่องผลิตปุ๋ยอัดเม็ดอินทรีย์ ให้แก่ชุมชนบ้านตาติด โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน พร้อมนี้ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ มอบหมายให้ นายธีรวัฒน์ บุญสม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วยคณะกรรมการดำเนินงาน การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากสู่การใช้ประโยชน์ ร่วมการส่งมอบนวัตกรรมดังกล่าว ซึ่งมี ดร.รจนา ตั้งกุลบริบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ วว. นางวิไลวรรณ หล้าแหล่ง หัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วย ดร.กนกอร อัมพรายน์ หัวหน้าโครงการวิจัย ผู้บริหารหน่วยงานต่าง ๆ และเกษตรกรในพื้นที่ให้การต้อนรับ ณ บ้านตาติด อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการ
วันที่ 5 มีนาคม 2566 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ มอบหมายให้ผู้ทรงคุณวุฒิ วช. นำโดย ศ.ดร.พีระศักดิ์ ศรีนิเวศน์ และสื่อมวลชนลงพื้นที่เยี่ยมชมโครงการวิจัย “การเพิ่มผลผลิตและคุณภาพดอกเบญจมาศบ้านตาติดด้วยปุ๋ยอินทรีย์เคมี” โดยมี ดร.กนกอร อัมพรายน์ แห่ง วว. เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย ณ บ้านตาติด ตำบลโนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามผลสำเร็จของโครงการวิจัยในการขยายผลองค์ความรู้จากงานวิจัยในการผลิตต้นพันธุ์เบญจมาศ โดยใช้นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและชุมชน โดยมีนายถิรพุทธิ์ คานทอง เกษตรจังหวัดอุบลราชธานี ผู้บริหาร วว. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ผลิตดอกเบญจมาศบ้านตาติด และเกษตรกรในพื้นที่ ให้การต้อนรับ ศ.ดร.พีระศักดิ์ ศรีนิเวศน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ วช. กล่าวว่า วช. ได้สนับสนุนการวิจัยแก่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ดำเนินการพัฒนาศักยภาพการผลิตเบญจมาศบ้านตาติดด้วยต้นพันธุ์ปลอดโรคและปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง คณะนักวิจัยได้ดำเนินกา
เบญจมาศ เป็นพรรณไม้ล้มลุก มีลำต้นสูงได้ประมาณ 1-3 ฟุต การแตกกิ่งก้านแตกไม่มาก ซึ่งตามกิ่งก้านและลำต้นจะมีขนละเอียดอยู่ ลักษณะใบของเบญจมาศจะมีลักษณะใบเรียวรี ขอบใบหยัก ใบอ่อนและมีขนอ่อนๆ อยู่ทั่วทั้งใบ มีสีเขียว โดยใบที่มีลักษณะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่ที่สายพันธุ์เป็นหลัก โดยเบญจมาศมีการผสมแบ่งออกเป็นสายพันธุ์ย่อยอีกมากมาย ซึ่งดอกก็มีด้วยกันหลายสีและขนาดของดอกแตกต่างกันไป พร้อมทั้งมีดอกที่ซ้อนกันจะมากหรือน้อยแล้วแต่สายพันธุ์ สีดอกเบญจมาศหลักๆ จะประกอบไปด้วย สีแดง สีชมพู สีขาว สีเหลือง ฯลฯ เบญจมาศเป็นไม้กลางแจ้งที่ต้องการแสงแดดจัด นิยมปลูกกันเป็นแนวตามริมรั้วหรือริมทางเดิน ซึ่งการปลูกก็จะปลูกในดินร่วนผสมอินทรียวัตถุ เพราะจะทำให้ออกดอกดกและสวยงาม ในบ้านเราด้วยความที่มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และความเชื่อความศรัทธา ดอกเบญจมาศจึงเป็นไม้ดอกที่นำมาบูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงทำให้ตลาดไม้ดอกในบ้านเรามีความต้องการดอกเบญจมาศ ส่งผลให้มีการปลูกเป็นเบญจมาศตัดดอกในหลายพื้นที่ คุณนภัสวรรณ เมณะสินธุ์ อยู่บ้านเลขที่ 105 หมู่ที่ 3 บ้านตาติด ตำบลโนนผึ้ง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ได้เล็งเห็นถึงความต้องการข
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นำผลผลิตจากงานวิจัย “การพัฒนาระบบการผลิตพันธุ์เบญจมาศปลอดโรคเชิงพาณิชย์” ของนักวิจัย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เข้าร่วมงาน “เบญจมาศบานในม่านหมอก ครั้งที่ 20” ที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้การสนับสนุนทุนจาก วช. เพื่อสร้างอุตสาหกรรมการผลิตเบญจมาศให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน ผศ.ดร.ณัฐพงค์ จันจุฬา นักวิจัย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวว่า ดอกเบญจมาศเป็นไม้ดอกที่เกษตรกรนิยมปลูกและเป็นไม้เศรษฐกิจ มีมูลค่าการผลิตติดอันดับ 1 ใน 4 อันดับแรกของไม้ตัดดอกมียอดการซื้อขายทั่วโลกปีละหลายพันล้านบาท สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้เล็งเห็นความสำคัญและปัญหาของเกษตรกรไทย ในการเพาะพันธุ์ไม้ดอกเบญจมาศ ที่มีการใช้ต้นพันธุ์เก่ามาเป็นระยะเวลานาน ทำให้ต้นเบญจมาศมีความอ่อนแอต่อโรคและแมลง เมื่อได้มีการปรับปรุงพันธุ์ดอกเบญจมาศให้ปลอดโรค รวมทั้งส่งเสริมก
หากท่านใดอยากชมความสวยงามของดอกเบญจมาศกว่า 100 ไร่ ขอแบ่งปันความสวยงามที่สวนดอกเบญจมาศบิ๊กเต้ ตั้งอยู่ในอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี แหล่งปลูกดอกเบญจมาศที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย พร้อมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร จุดเริ่มต้นของการปลูกดอกเบญจมาศ คุณภูธนะ พรหมพิทักษ์ หรือ ต๊ะ เกษตรกรหนุ่มไฟแรง จบการศึกษาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ผันตัวเองมาเป็นหนุ่มบ้านไร่ สานต่อธุรกิจครอบครัว คุณภูธนะ เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวของตนเองประกอบธุรกิจส่วนตัวมาก่อน แต่ด้วยความที่สนใจในอาชีพเกษตรของคุณพ่อและคุณแม่ มีแนวคิดอยากปลูกพืชสักชนิด ทำเป็นธุรกิจนอกเหนือจากที่ทำอยู่ จึงออกตระเวนไปตามจังหวัดต่างๆ มองหาอาชีพที่เกี่ยวกับการเกษตร และจากการได้ออกพื้นที่ ทำให้ได้เห็นอาชีพการปลูกดอกเบญจมาศตัดดอกของเกษตรกรบนดอยที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ตลอดทั้งปี จึงเกิดความสนใจนำมาปลูกทำเป็นธุรกิจ ประกอบกับแนวคิดที่ว่า ปลูกดอกเบญจมาศมีคู่แข่งน้อย ราคาไม่แกว่ง อะไรที่คนทำได้น้อย และทำยาก ย่อมไม่ล้นตลาด ด้วยความเหมาะสมของพื้นที่และสภาพอากาศที่ใกล้เคียง เหมาะสมที่จะปลูก อีกทั้งยังห่างจ
หนาวนี้ เช็กอินที่มวกเหล็กกันมั้ย? ‘มวกเหล็ก’ จัดเป็นแม่เหล็กตัวเขื่อง ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปสัมผัสไอหมอกยามเช้า สูดโอโซนบริสุทธิ์ อันดับ 7 ของโลก ให้ชุ่มชื่นปอด ในอุณหภูมิเย็นสบาย ด้วยระยะทางห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 150 กิโลเมตร อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี จึงเป็นไฮไลต์ด้านการท่องเที่ยวของคนเมือง ที่อยากหลีกหนีความแออัดวุ่นวาย เปิดวาร์ปไปเช็กอินพักกาย ชาร์จแบต ท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติในจุดที่ไม่ไกลและเดินทางสะดวก แต่ได้ดื่มด่ำบรรยากาศเหมือนขึ้นดอย ท่องเที่ยว ‘มวกเหล็ก’ ปีนี้ ได้รับแรงหนุนอันแข็งแกร่ง โดยหอการค้าจังหวัดสระบุรี จับมือกับ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้าจังหวัดสระบุรี (Young Entrepreneurs’ Chamber of Commerce Saraburi หรือ YEC สระบุรี) สมาคมการท่องเที่ยวสระบุรี และ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีสระบุรี (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ผลักดัน อำเภอมวกเหล็ก เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีดีไม่แพ้ที่อื่นๆ ทั้งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและเชิงวัฒนธรรม เรียกว่ามีของดีต้องบอกต่อ เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หอการค้าจังหวัดสระบุรี จัดทริปลั้นล้าแทรกด้วยสาระเชิงเกษตร นำคณะสื่อมวลชนสัมผัสไอหมอกยามเช้า