ตดหมูตดหมา
สมุนไพรชื่อแปลก “ตดหมูตดหมา หรือ ต้นพาโหม” แค่ชื่อฟังแล้ว หลายคนไม่อยากเข้าใกล้ เป็นสมุนไพรที่อยู่คู่คนไทยมานาน เป็นผักที่คนทั่วทุกภาครับประทานแกล้มในมื้ออาหาร แค่ชื่อก็แปลกแล้วแต่ถ้าได้รู้จักสรรพคุณต้องถึงกับจึ้งกันแน่ เป็นพืชที่ขึ้นได้ทั่วไป ในป่าธรรมชาติและบริเวณในสวน ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดและเพาะเลี้ยงต้นอ่อน นิยมปลูกขึ้นเลื้อยตามรั้วบ้าน เพื่อเก็บยอดอ่อน ใบอ่อน รับประทานเป็นผักแกล้มลาบ ยำ พล่า ก้อย หรือน้ำพริก มีบางท้องถิ่นเห็นเก็บมาวางขายตลาดสดกันก็มี ภก.ณัฐดนัย มุสิกวงศ์ ได้เขียนบทความตีพิมพ์ลงในคอลัมน์พืชใกล้ตัว ของอภัยภูเบศรสาร ฉบับเดือนกรกฎาคม 2561 ถึงสมุนไพรที่อยู่คู่คนไทยมานาน แต่ส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงสรรพคุณทางยาหรือประโยชน์ของสมุนไพรชนิดนี้คือ ต้นพาโหมหรือตดหมูตดหมา สมุนไพรชนิดนี้เป็นผักที่คนทั่วทุกภาครับประทานแกล้มในมื้ออาหาร โดยจะรับประทานส่วนยอดอ่อนหรือใบสด จิ้มน้ำพริก ทางภาคใต้ก็ใส่ในข้าวยำ นอกจากนั้น ยังสามารถนำน้ำคั้นมาใส่ในขนมหวานได้อีกด้วย ซึ่งทางศูนย์การเรียนรู้การดูแลสุขภาพภาคประชาชน การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร มีการสาธิตการทำขนมตดหมูตดหมา “สูตรไร้น้ำตาล
ขึ้นชื่อว่า “ตด” บางคนก็กำลังยิ้มกริ่ม บอกว่าก็พอรู้จักอยู่บ้าง กำลังปล่อยแบบแผ่วๆ เมื่อกี้นี้เอง มีบางคนอยากปล่อยแบบไม่เกรงใจใคร โดยเฉพาะเมื่อตอนอยู่คนเดียว คิดว่าไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น แต่ลืมคิดไปว่ามีคนได้ยิน บางคนไม่ถนอมกลิ่นเลย ปล่อยไม่มีเสียงแต่กลิ่นอื้อฮือ เคยมีในกลุ่มคนสวยๆ คุยกันเรื่อง สเปกชายชอบ และแอบปล่อยกลิ่นแบบไร้เสียง เป็นที่น่าเอ็นดู ชวนคุยเรื่องไม่เป็นสาระ เข้าหาสารประโยชน์ของ “ตดหมูตดหมา” กันดีกว่า พืชชนิดนี้ เป็นไม้เถาเลื้อยประเภทล้มลุก ลำต้นขนาดเล็ก ลำต้นและใบมียางสีขาว เมื่อเด็ดขยี้ มีกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นตด ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว รูปเรียวยาว หรือรูปหอก ออกเป็นคู่ตรงข้าม สีเขียว เนื้อใบบาง ก้านใบสั้น เส้นใบโค้งจรดกันที่ใกล้ขอบใบ ใบกว้าง 10-25 มิลลิเมตร ยาว 10-15 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อตรงซอกใบหรือโคนก้านใบ ช่อละ 2-3 ดอก กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ขนาดเล็ก กลีบดอก 5 กลีบเชื่อมติดกันตรงโคนกลีบ ปลายกลีบแยกจากกัน กลีบด้านนอกสีขาว ด้านในสีม่วงแดงหรือสีชมพู ปะด้วยจุดสีม่วงจุดสีน้ำตาล เกสรตัวผู้มี 5 อัน เกสรตัวเมียมี 1 อันอยู่ตรงกลาง ผลเป็นฝักยาวสีเขียว ยาวประมาณ 4-7 เซนติเมตร กว้าง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Paederia linearis Hook. F. ชื่อวงศ์ RUBIACEAE ชื่อสามัญ Fever vine ชื่ออื่นๆ กระพังโหม ตูดหมูตูดหมา (ภาคกลาง) ตำยานตัวผู้ พังโหม ตืดหมา ขี้หมาคารั้ว (เหนือ-อีสาน) ย่านพาโหม (ใต้) พาหม (สุราษฎร์ธานี) ผมอึดอัดใจกับชื่อที่เรียกกันแล้วต้อง “เช็ดปาก” แม้ว่ามีชื่ออื่นที่ฟังดูดี แต่คนไม่ค่อยเรียกชื่อนั้น เพราะติดคำว่า “พัง” ยกเว้นชาวสุราษฎร์ธานี ที่หลายท้องถิ่นเรียกสั้นๆ ว่า “พาหม” ผมจึงอยากจะประชดตั้งชื่อตัวเองเป็น “พระพายผาย” แทนคำว่า “ผายลม” แหม…ไม่ทราบว่าจะใช้ภาษาไทย “อาการนาม” อย่างไรดี เพราะแปลชื่อออกมาแล้วก็สัมผัสได้ ทั้ง “กลิ่นและเสียง” ในบรรดาพืชสมุนไพรไม้ล้มลุกเถาเลื้อย สำหรับผมแม้จะมีย่านใบเรียวแหลมเขียวเข้ม ยอดสวย ดอกงาม แต่ผมถูกจัดอยู่ในกลุ่มวัชพืชที่คนค่อนข้างรังเกียจ ด้วยเหตุนี้ผมจึงมีโอกาสทอดยอดยาวเลื้อยพันไปทุกที่ที่อยากจะไปอย่างอิสระ โดยไม่มีใครอยากใช้มือสาวย่านเถาให้ลำต้น หรือใบฉีกขาด เพราะผมจะปล่อยกลิ่นไม่พึงประสงค์แผ่วงรัศมีทั้งตามลมและทวนลมคละคลุ้ง จนไม่มีใครอยากทำวิธี “เขตกรรม” ด้วยฉะนี้ สำหรับคนที่รู้จักผมจึงใช้วิธีกำจัดด้วยการถากถางตัดไม่ให้ออกดอก หร
ขึ้นชื่อว่า “ตด” บางคนก็กำลังยิ้มกริ่ม บอกว่าก็พอรู้จักอยู่บ้าง กำลังปล่อยแบบแผ่วๆ เมื่อกี้นี้เอง มีบางคนอยากปล่อยแบบไม่เกรงใจใคร โดยเฉพาะเมื่อตอนอยู่คนเดียว คิดว่าไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น แต่ลืมคิดไปว่ามีคนได้ยิน บางคนไม่ถนอมกลิ่นเลย ปล่อยไม่มีเสียงแต่กลิ่นอื้อฮือ เคยมีในกลุ่มคนสวยๆ คุยกันเรื่อง สเปกชายชอบ และแอบปล่อยกลิ่นแบบไร้เสียง เป็นที่น่าเอ็นดู ชวนคุยเรื่องไม่เป็นสาระ เข้าหาสารประโยชน์ของ “ตดหมูตดหมา” กันดีกว่า พืชชนิดนี้ เป็นไม้เถาเลื้อยประเภทล้มลุก ลำต้นขนาดเล็ก ลำต้นและใบมียางสีขาว เมื่อเด็ดขยี้ มีกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นตด ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว รูปเรียวยาว หรือรูปหอก ออกเป็นคู่ตรงข้าม สีเขียว เนื้อใบบาง ก้านใบสั้น เส้นใบโค้งจรดกันที่ใกล้ขอบใบ ใบกว้าง 10-25 มิลลิเมตร ยาว 10-15 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อตรงซอกใบหรือโคนก้านใบ ช่อละ 2-3 ดอก กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ขนาดเล็ก กลีบดอก 5 กลีบเชื่อมติดกันตรงโคนกลีบ ปลายกลีบแยกจากกัน กลีบด้านนอกสีขาว ด้านในสีม่วงแดงหรือสีชมพู ปะด้วยจุดสีม่วงจุดสีน้ำตาล เกสรตัวผู้มี 5 อัน เกสรตัวเมียมี 1 อันอยู่ตรงกลาง ผลเป็นฝักยาวสีเขียว ยาวประมาณ 4-7 เซนติเมตร กว้าง