ทุเรียนภาคใต้
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ทุเรียนภาคใต้ปี 2562 ทั้ง 14 จังหวัด (กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล สุราษฎร์ธานี) ซึ่งคณะทำงานสำรวจข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคใต้ ได้เห็นชอบผลพยากรณ์ในปี 2562 ครั้งที่ 3 (ข้อมูล ณ 8 พฤษภาคม 2562) พบว่า เนื้อที่ยืนต้นของทุเรียนภาคใต้ ปี 2562 มีจำนวน 501,845 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 35,290 ไร่ หรือร้อยละ 8 เนื้อที่ให้ผล มีจำนวน 387,822 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 28,515 ไร่ หรือร้อยละ 8 ปริมาณผลผลิตรวม 445,220 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 140,953 ตัน หรือร้อยละ 46 โดยผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล อยู่ที่ 1,148 กิโลกรัม ต่อไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 301 กิโลกรัม หรือร้อยละ 36 เนื้อที่ยืนต้นเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาของทุเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรจึงปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้นโดยปลูกแทนพืชอื่น เช่น ยางพารา เงาะ ลองกอง ซึ่งเนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้นจากทุเรียนที่ปลูกในปี 2557 เริ่มให้ผลผลิตในปีนี้ ส่งผลปริมาณผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น โดยผลผลิต
ทุเรียน เมื่อเก็บในระยะที่สุกแก่เหมาะสม จะได้กลิ่นหอม เนื้อแห้ง กรอบนอกนุ่มใน หวานกำลังดี เป็นหนึ่งผลไม้ที่ทั้งชาวไทยและเทศชื่นชอบในรสชาติความอร่อย ทุเรียนเป็นไม้ผลเศรษฐกิจ มีหลากหลายสายพันธุ์ และที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคอย่างแพร่หลายในขณะนี้ก็คือ ทุเรียนทรายขาวคุณภาพจากแปลงใหญ่ ที่จังหวัดปัตตานี คุณไพศาล สังข์มงคล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา เล่าให้ฟังว่า ทุเรียนทรายขาว เป็นไม้ผลเศรษฐกิจ สายพันธุ์หมอนทองพันธุ์ดีที่มีการปลูกและปฏิบัติดูแลบำรุงรักษาสืบต่อกันมาด้วยประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่น ที่มีการผสมผสานแนวคิดวิชาการเข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่นกระทั่งได้คุณภาพมาตรฐาน ประกอบกับสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศพื้นที่จังหวัดปัตตานีมีความเหมาะสมในการสร้างสวนไม้ผลหลายชนิดได้คุณภาพ โดยเฉพาะบริเวณเชิงเขาของเทือกเขาสันกาลาคีรี ที่ลักษณะดินมีความอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งน้ำที่ได้จากธรรมชาติบริเวณเทือกเขาและมีอากาศบริสุทธิ์ ทำให้การปลูกและปฏิบัติดูแลบำรุงรักษาทุเรียน ที่ทำให้ได้ทุเรียนทรายขาวดีมีคุณภาพ ปลอดภัยจากสารเคมีและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นคือ เปลือกบาง เนื้อแห้ง หอม รสหวาน