ธนาคารต้นไม้
ลุงนิล ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้กำเนิดแนวคิด ‘เกษตรคอนโดฯ 9 ชั้น’ ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ คุณสมบูรณ์ ศรีสุบัติ หรือ ลุงนิล เป็นเกษตรกรต้นแบบ อยู่ที่ตำบลช่องไม้แก้ว อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร ซึ่งพืชผลทางการเกษตรที่ปลูกส่วนใหญ่จะเป็นทุเรียน มีมากกว่า 700 ต้น อยู่ในสวนลุงนิล เป็นที่รู้จักของคนในจังหวัดชุมพรค่อนข้างมาก ลุงนิล เป็นที่รู้จักในนามของเกษตรกรผู้คิดค้น “เกษตรคอนโดฯ 9 ชั้น” ซึ่งจุดเด่นของลุงนิลคือ การได้รับความสนใจจากผู้ไปศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องเกษตรผสมผสานและเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่เน้นใช้พื้นที่ของตนเองที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการปลูกพืชผักสวนครัวต่างๆ และพืชแซม พร้อมกับการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจไปในตัว และนอกจากจุดเด่นของลุงนิลจะอยู่ที่การทำสวนแล้ว ลุงนิลยังเป็นหนึ่งในผู้ที่ดูแลโครงการธนาคารต้นไม้ของจังหวัดชุมพรอีกด้วย เศรษฐกิจพอเพียง กู้วิกฤตชีวิตลุงนิล ลุงนิล เผยถึงแนวคิดการทำเกษตรแบบผสมผสาน 9 ชั้น ว่า ในอดีตลุงนิลเคยทำอาชีพค้าขายมาเป็นเวลานาน แล้วก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่ด้วยความที่ลุงนิลในตอนนั้น ต้องการที่จะมีรายได้ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ด้วยความอยากรวย จึงมี
ธ.ก.ส. จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ พร้อมสร้างศูนย์บ่มเพาะถ่ายทอดองค์ความรู้ในการขยายฐานธนาคารต้นไม้ไปสู่การเข้าร่วมโครงการ BAAC Carbon Credit ตอบโจทย์เป้าหมายการไปสู่ Carbon Neutrality ของประเทศ หนุนชุมชน วัด โรงเรียนในการดูแลและเพิ่มพื้นที่สีเขียว ควบคู่การสร้างวินัยการออมให้แก่นักเรียนในโรงเรียนธนาคาร (เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567) นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง ร่วมกับโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 และชุมชนเครือข่ายธนาคารต้นไม้ ธ.ก.ส. จังหวัดเพชรบุรี จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว ตามแนวทางพระราชดำริ “ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมถ่ายทอดความรู้เพื่อปลูกฝังวินัยการออมเงินแก่นักเรียนในโรงเรียนธนาคาร พร้อมจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะความรู้ขึ้นในโรงเรียน เพื่อสนับสนุนการวางรากฐานให้แก่นักเรียนและผู้ที่สนใจใ
เพื่อนชวนไปชมสวนไม้ประดับ ที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสกลนคร (มก. ฉกส.) บริเวณบ้านเชียงเครือ อำเภอเมืองสกลนคร โดยออกจากตัวเมืองสกลนคร ผ่านสี่แยกบ้านธาตุนาเวง หรือที่เรียกกันว่า “สี่แยกบ้านธาตุ” หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร จากตัวเมืองสกลนคร เพียง 6 กิโลเมตร ก็ถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวขวา มุ่งหน้าตามถนนสกลนคร-นครพนม ผ่านหน้าสถานีวิทยุกระจายเสียง 909 กองบัญชาการทหารสูงสุด ที่เป็นกระบอกเสียงในการปฏิบัติภารกิจในด้านจิตวิทยา สร้างมวลชนต่อสู้กับภัยคุกคาม ความคิดหรืออุดมการณ์ที่เห็นต่าง ไม่ตรงกัน “คอมมิวนิสต์” ในสมัยนั้น แต่ปัจจุบัน ไม่มีให้เห็น คงเหลือแต่ร่องรอยของอดีต และเลยผ่านทางเข้าสนามบินสกลนคร นั่งรถผ่านมามองฝั่งซ้ายของถนน มีคลองจากชลประทาน เขื่อนน้ำอูน ทอดยาวตรง บางแห่งคดเคี้ยวไปตามพื้นที่ในไร่นา ไหลผ่าน ลอดสะพานข้ามถนนไปสู่ฟากโพ้น ก่อนลงสู่แหล่งน้ำหนองหาร ทะเลสาบน้ำจืดแห่งอีสาน ปกติทุกปีในพื้นที่ยามนี้จะมองเห็นความเขียวขจีของข้าวกล้า นาปรัง มีหมู่นกปากห่างและนกนา เดินย่องหาอาหาร ขาวไปเต็มทุ่ง แต่ปีนี้ชาวนาหลายคนไม่ได้ทำนาปรัง เพราะรัฐบาลประกาศว่าน้ำใ
เมืองหนังโนรา อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน จริงแล้วยังมีของดีอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ตลาดนัดต้นไม้ชายคลอง ตลาดนัดสำหรับคนหัวใจสีเขียวที่เพิ่งเริ่มเปิดทำการนี่แหละครับ น้องโต้ง – กฤต พวงสุวรรณ ชวนผมไว้ตั้งแต่ช่วงกลางปี ว่า จะเชิญมาร่วมงานเปิดตัวตลาดต้นไม้ชายคลอง ที่รวบรวมอาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ของดีพื้นบ้าน งานหัตถกรรม และกล้าไม้สารพัดโดยเฉพาะไม้ประจำถิ่น ที่จำต้องอนุรักษ์และขยายพันธุ์กันต่อไป งานเริ่มเช้าวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม สถานที่นัดพบคือ หน้ามหาวิทยาลัยทักษิณ อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ด้วยความกลัวว่าจะไม่ทันเวลา ก็เลยเดินทางเสียตั้งแต่เย็นวันศุกร์ นั่งเครื่องไปลงสนามบินจังหวัดตรัง แวะค้างสักคืน รุ่งเช้ากินหมูย่างพอให้คลายคิดถึงสักจานก็คงพอ ที่ตรังผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส ชาอุ่นๆ แกล้มหมูย่าง หนังกรอบๆ ติดรสหวานไปนิดสำหรับคนไม่กินหวานอย่างผม ได้น้ำจิ้มเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ก็คงคล่องคอยิ่งนัก แต่ด้วยความอยากให้คงรสชาติของหมูย่างเมืองตรังที่สุด ก็เลยกินเปล่าๆ เสียงั้น อร่อยคงที่ดีจริงๆ ผมไปถึงป่าพะยอมในยามเช้า จากการคะเนด้วยสายตา ตลาดน้อยๆ ที่โต้ง
มูลนิธิธนาคารต้นไม้ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เสนอแนวทางผลักดัน พ.ร.บ.ธนาคารต้นไม้เพิ่มพื้นที่ป่าทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) กลุ่มมูลนิธิธนาคารต้นไม้จำนวน 30 คน นำโดยนายพงศา ชูแนม ประธานมูลนิธิธนาคารต้นไม้ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเสนอแนวทางการเพิ่มพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกต้นไม้ พร้อมเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธนาคารต้นไม้ต่อรัฐบาล นายพงศากล่าวว่า ทางกลุ่มขอเสนอแนวทางต่อรัฐบาลดังนี้ 1.ต้นไม้ที่ประชาชนปลูกในที่ดินทำกิน ยอมตกเป็นของประชาชนทั้งทรัพย์และสิทธิ 2.ต้นไม้ควรได้รับการรับรอง ให้มีมูลค่าเป็นทรัพย์ขณะที่มีชีวิต 3. ขอให้มีองค์กรการบริหารจัดการต้นไม้และไม้ที่มาจากประชาชนผู้ปลูกต้นไม้ และ 4.ขอให้มีกองทุนส่งเสริมสนับสนุนการปลูกดูแลรักษาและจัดการผลผลิตไม้ที่มาจากกิจการเกี่ยวกับไม้และสิ่งแวดล้อมโดยไม่ต้องอาศัยงบประมาณจากรัฐ “ทางมูลนิธิคาดหวังว่าหากมีพระราชบัญญัติธนาคารต้นไม้จะสามารถดำเนินการตามแนวทางการปลูกป่า 26 ล้านไร่ภายใน 10 ปี ด้วยเป้า