นกกรงหัวจุก
นกกรงหัวจุก หรือนกปรอดหัวโขน เป็นนกประจำถิ่นที่พบมากในหลายพื้นที่ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทยที่มีเกือบทุกจังหวัด กิจกรรมที่นิยมเลี้ยงนกชนิดนี้ตั้งแต่อดีตจนทุกวันนี้คือการแข่งขันร้องเพื่อประกวดความไพเราะของเสียงหรือระยะเวลาที่ร้องได้นานเท่าไร กระทั่งเมื่อมูลค่านกถูกพัฒนาด้วยการสร้างสีสันแฟนซีเข้ามาเพิ่ม เกิดความคึกคักในกลุ่มตลาดเลี้ยงนกชนิดนี้เป็นอย่างมากสร้างเม็ดเงินหลายสิบล้านบาท “ฟาร์มอวตาร” เป็นสถานที่เพาะขายพันธุ์นกกรงหัวจุกที่ถูกกฎหมายแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี ฟาร์มนี้มีจุดแข็งเรื่องการผลิตนกหัวจุกที่หายาก สินค้ามีคุณภาพ และมีบริการหลังการขายอย่างมีประสิทธิภาพ ลูกค้าซื้อไปแล้วมั่นใจได้เต็มที่ โดยมี คุณธนกร เพ็งนาเรนทร์ หรือ คุณก๊อป อายุ 38 ปี ในวงการเรียกก๊อปอวตาร เป็นเจ้าของและจัดตั้งฟาร์มนี้มากว่า 4 ปี ก่อนที่คุณก๊อปจะเข้ามาสู่วงการนกกรงหัวจุกมีอาชีพเป็นพ่อค้าคนกลางขายส่งผลไม้และพืชผลทางการเกษตร มีสวนสับปะรด เหตุผลที่เปลี่ยนเส้นทางอาชีพจากเกษตรกรรมสู่อาชีพเลี้ยงสัตว์สวยงามเนื่องจากปัญหาราคาสับปะรดตกต่ำ ต้นทุนสูงมากขึ้น ทำให้ประสบปัญหาขาดทุนหลักล้านบาท จึงมองหาอาชีพ
ถ้าจะเอ่ยถึงสัตว์ที่มีน้ำเสียงไพเราะ คล่องแคล่ว ปราดเปรียว เเละสีสันสวยงาม เชื่อว่า “นกกรงหัวจุก” หรือ “นกปรอดหัวโขนเคราแดง” ถูกจัดให้อยู่ในลำดับต้นๆ ยิ่งในปัจจุบันมีสนามให้ลงแข่งขันเพื่อชิงรางวัล ฉะนั้นไม่เเปลกใจถ้านกชนิดนี้จะกลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกชนิดที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ผู้เลี้ยง บางสนามประลองมูลค่าสูงถึงหลักล้านบาทเลยทีเดียว ด้วยกระแสความนิยม ตลอดจนมีผู้ให้การสนับสนุน ส่งผลให้ผู้เลี้ยงนกชนิดนี้ ไม่กระจุกตัวอยู่เเต่ในภาคใต้ ตรงกันข้ามกลับเเผ่ขยายไปทั่วทุกภูมิภาค หนำซ้ำหลายเวทียังปั้นเซียนนกหน้าใหม่ให้มีชื่อเสียงติดในวงการมากมาย คนไทยจำนวนมากชื่นชอบเลี้ยงสัตว์ แต่หากจะทำเป็นธุรกิจ หลายคนมองว่าสุนัขค่าใช้จ่ายสูง ต้องการการดูเเลเอาใจใส่ ในด้านความต้องการของตลาดเริ่มไม่หวือหวา เเถมคู่เเข่งมากขึ้น ตรงกันข้ามกับนก ที่ภาระไม่มาก ค่าเลี้ยงดูต่ำ คนส่วนใหญ่ให้การยอมรับ มูลค่าซื้อขายค่อนข้างดี ที่สำคัญหลงเสน่ห์เสียงร้อง ตลอดจนทุกอากัปกิริยาของนกชนิดนี้ ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้หลายคน เลือกที่จะเลี้ยงนกกรงหัวจุก หากใครคิดจะก้าวเข้าสู่วงจรธุรกิจ ในฐานะคนเลี้ยงนก จำเป็นต้องคัดเลือกสายพันธุ์นกให
จากกระแสของความนิยมในการเลี้ยงนกกรงหัวจุก หรือนกปรอทหัวโขนมานาน โดยเฉพาะระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในจังหวัดสงขลา และอีกหลายจังหวัดในภาคใต้ และในบางพื้นพบว่ามีการเลี้ยงกันแทบทุกครัวเรือน และแต่ละครัวเรือนเลี้ยงนกกรงหัวจุกไม่น้อยกว่า 1 ตัว สาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการเลี้ยงนกกรงหัวจุกมากกว่า 1 ตัว ในแต่ละครัวเรือน เป็นเพราะมีการแข่งขันประกวดประชันเสียงของนกกรงหัวจุก การเลี้ยงนกกรงหัวจุกที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเฟื่องฟูตามไปด้วย หนึ่งในนั้นคือการเลี้ยง “หนอนนก” ซึ่งเป็นอาหารของนกกรงหัวจุก จนถึงขณะนี้ มีผู้เพาะเลี้ยงหนอนนกเพื่อจำหน่ายหลายราย ลุงหมู่ ลิ้มสกุล อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ถนนจันทร์วิโรจน์ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา บอกว่า การเพาะเลี้ยงหนอนนก เป็นอาชีพที่สร้างเสริมสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ การเลี้ยงไม่ยาก ไม่ต้องลงทุนอะไร ใช้เนื้อที่ก็ไม่มาก ประมาณ 5 คูณ 5 เมตร บริเวณเรือนที่อยู่อาศัย “หนอนนก ตอนนี้ทำราคาได้ดี โดยขายส่ง 250-300 บาท/ กิโลกรัม ลูกค้าก็เป็นกลุ่มผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุก และนกทั่วไป โดยสามารถส่
“นกกรงหัวจุก” ซบเซา ราคาร่วงต่อเนื่องจากยุคเฟื่องฟูตัวละ 5,000 บาท เหลือ 1,000 บาท เผยมีผู้เลี้ยง/ครอบครองทั่วประเทศกว่า 2 ล้านตัว ยุคเศรษฐกิจดีเคยสร้างรายได้ทั้งระบบปีละพันล้านบาท ชงรัฐช่วยปลดออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า นกกรงหัวจุกเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมีการเลี้ยงอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ ซึ่งมีส่วนหนึ่งที่เลี้ยงโดยผิดกฎหมาย เมื่อปี 2546 ได้มีการนิรโทษกรรมผู้ที่ครอบครองและผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุก โดยให้มาแจ้งลงทะเบียนไว้กับทางราชการ แต่ก็ไม่ได้มีการแจ้งทั้งหมด ส่วนผู้ที่แจ้งลงทะเบียนไว้แล้วให้นำหางบัตรมารับห่วงไปสวมให้นกกรงหัวจุกก็จะไม่มีการจับกุม สำหรับกรณีที่กลุ่มชมรมผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกจังหวัดสงขลาได้มายื่นหนังสือถึงสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 เพื่อขอให้มีการชะลอการจับกุม รวมทั้งให้ถอนนกกรงหัวจุกออกจากบัญชีการเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองนั้น ถือว่าเรื่องนี้เกินอำนาจหน้าที่ของสำนัก เพราะเป็นปัญหาระดับชาติ จึงได้ยื่นเรื่องถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา แม่ทัพภาค 4 และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.