นมโค
ปัจจุบันการทำเกษตรได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนหรือวัยใดก็ล้วนต้องการกลับมาพัฒนาการทำเกษตรในบ้านเกิดของตนเอง จากที่พบเห็นจากสื่อโซเชียลต่างๆ จะเห็นได้ว่า บางรายถึงกับลาออกจากงานประจำ มาใช้ความสุขในด้านการทำเกษตร พร้อมทั้งต่อยอดและพัฒนาให้การทำเกษตรมีความก้าวหน้ามากขึ้นไปตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างที่เรารู้ดีที่สุดคือเรื่องของราคาผลผลิต บางช่วงถึงกับตกต่ำส่งผลให้เกษตรกรเกิดสภาวะขาดทุนทีเดียว ส่งผลให้เกษตรกรเกิดภูมิคุ้มกันในเรื่องของการหาทางออก ด้วยการทำเกษตรให้มีความหลากหลายมากขึ้น หรือที่เรียกว่าเกษตรครบวงจร ดร.วิมล หอมยิ่ง ผู้รักการทำเกษตรอยู่ที่อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี โดยได้บ่มเพาะประสบการณ์การต่างๆ ที่ได้พบเห็นทั้งในและต่างประเทศ มาพัฒนาการทำเกษตรในแบบที่เขาวางแผนไว้ ว่าการทำตลาดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ดังนั้น ก่อนที่จะผลิตสินค้าออกมาจำหน่ายได้ ในเรื่องของการมีตลาดรองรับจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ จึงจะช่วยให้ผลผลิตที่ออกมาสามารถจำหน่ายและเกิดรายได้อย่างยั่งยืน ดร.วิมล เล่าว่า ช่วงที่โอกาสได้ไปศึกษาเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ ได้พบเห็นว่าเกษตรกรในต่างประเทศไม่ได้เจอปัญหาหนี้สิ้นหรือ
องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ตั้งเป้ารายได้หมื่นล้าน เร่งขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ทุ่มงบลงทุนกว่า 40 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตนมพาสเจอไรซ์ โดยขยายไลน์ผลิตที่โรงงานนม อ.ส.ค. ภาคเหนือตอนบน ตำบลห้วยแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรุกขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ดร. ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เปิดเผยว่า ในปี 2562 อ.ส.ค. ตั้งเป้ารายได้ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากปีงบประมาณ 61 ที่ทำรายได้ 9,560 ล้านบาท อ.ส.ค. ทุ่มงบลงทุนกว่า 40 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตนมพาสเจอไรซ์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเย็นที่โรงงานนม อ.ส.ค. ภาคเหนือตอนบน โดยนำไปปรับปรุงในส่วนของโรงงาน ระบบการผลิต และเครื่องจักรใหม่ ซึ่งในปัจจุบันการผลิตผลิตภัณฑ์นมพาสเจอไรซ์และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเย็นมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การลงทุนในการปรับปรุงและการขยายไลน์ผลิตนมพาสเจอไรซ์และกลุ่มผลิตภัณฑ์นมเย็นที่โรงงานนม อ.ส.ค. จังหวัดเชียงใหม่ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อจะผลักดันให
นายณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เปิดเผยว่า อ.ส.ค. จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยู (MOU) ซื้อขายน้ำนมโค ปี 2561/62 กับสหกรณ์โคนมและศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบในเขตพื้นที่ส่งเสริมของ อ.ส.ค. ทุกภูมิภาคจำนวน 44 สหกรณ์/ศูนย์ ปริมาณน้ำนมดิบรวม 735 ตัน/วัน ได้แก่ พื้นที่ภาคกลาง จำนวน 17 สหกรณ์ ปริมาณน้ำนมดิบที่ร่วม MOU จำนวน 357 ตัน/วัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 สหกรณ์ น้ำนมดิบ 153 ตัน/วัน ภาคใต้ 8 สหกรณ์ น้ำนมดิบ 90 ตัน/วัน ภาคเหนือตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง รวม 11 สหกรณ์ น้ำนมดิบ 135 ตัน/วัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ประมาณ 7-10% ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำนมดิบล่วงหน้า เนื่องจากปริมาณนมดิบของสหกรณ์โคนม/ศูนย์ฯ และสมาชิกในเขตพื้นที่ส่งเสริมของ อ.ส.ค. ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะบางช่วงอาจมีน้ำนมดิบส่วนเกินเพื่อป้องกันไม่ให้กระทบต่อผู้เลี้ยงโคนม และไลน์ผลิตของโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คทุกโรงงาน ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรเครือข่ายของอ.ส.ค. ด้วยว่า มีตลาดรองรับผลผลิตน้ำนมดิบที่แ
มาได้จังหวะถูกที่ถูกเวลา เมื่อภาครัฐและเอกชน คือ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกันผลิตหลักสูตร “การพัฒนาคุณภาพโคนมแห่งชาติ” ออกมาสำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นหลักสูตรกลางในการเลี้ยงโคนมของไทย หลังจากที่ก่อนหน้านั้นต่างฝ่ายต่างผลิตหลักสูตรในการเลี้ยงโคนมเพื่อใช้ในการผลิตนมของเกษตรกรในสังกัด เท่ากับว่าในอนาคต ไทยสามารถประยุกต์นำข้อดีของการเลี้ยงโคนมของประเทศเดนมาร์ก ที่ อ.ส.ค.มีความเชี่ยวชาญมานาน มาผสมกับข้อดีของการเลี้ยงโคนมของประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ฟรีสแลนด์คัมพิน่าเชี่ยวชาญ รวมทั้งด้านการบริหารจัดการฟาร์ม โรคระบาดในโคนมที่ภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เชี่ยวชาญได้ดียิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายเสริมความแข็งแกร่งให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทย ให้สู้กับนมผงจากต่างประเทศที่ไทยจะต้องยกเลิกการเก็บภาษีในปี 2568 จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทยกับประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้ เพราะทุกวันนี้ผู้เลี้ยงโคนมของไทยลดจำนวนลงไปมาก จาก 3 หมื่นกว่ารายลงมาเหลือ 1.
นายณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ อ.ส.ค. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านโคนมและอุตสาหกรรมการแปรรูปนม (MOU) ระหว่างคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังได้จับมือกับบริษัท อาร์แอนด์ ดี รีเสิร์ช แอนด์ ดีวีลอปเม้นท์ จำกัด และศูนย์นวัตกรรมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการศึกษาวิจัยเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเครื่องสำอาง จากน้ำนมโคสดแท้ 100% จากวัตถุดิบน้ำนมดิบฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค “อ.ส.ค.จับมือกับคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อทำวิจัยต่อยอดนวัตกรรมเครื่องสำอางจากน้ำนมโค 100% (Beauty Milk) จากฟาร์มเกษตรกรไทย วางเป้าจำหน่ายตลาดภายในและอาเซียน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีความต้องการหลากหลายมากขึ้น ประกอบกับ เร่งขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโคนมของไทยทั้งระบบก้าวสู่ผู้นำอุตสาหกรรมโคนมของภูมิภาคอาเซียนในอนาคตอันใกล้ ซึ่งยิงนกทีเดียวได้ 2 ต่อ เพิ่มไลน์ธุรกิจและส่งผลดีต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทยในการลดปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดในอนาคต” นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า จากผลดำเนินการศึกษาวิจั