นโยบายประกันราคา
การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เผยแนวทางการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ราคายางพาราผันผวนเตรียมจ่อตั้งบริษัทลูกของ กยท. ดำเนินธุรกิจร่วมสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง เจาะตลาดสินค้า ISO พร้อมย้ำโครงการนโยบายประกันราคายางพารา ระยะที่ 1 พร้อมจ่ายส่วนต่างราคายาง 1 พฤศจิกายน นี้ เป็นการช่วยเหลือพี่น้องชาวสวนยางในระยะสั้นให้ผ่านพ้นสถานการณ์ในช่วงนี้เท่านั้น นายสุนันท์ นวลพรหมสกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยด้านบริหาร รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กยท. เตรียมจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อดำเนินธุรกิจร่วมกับสถาบันเกษตรกร ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำ TOR เพื่อการจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมา และจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งหลังจากผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการแล้ว จะเร่งจดทะเบียนบริษัทให้เร็วที่สุด ในส่วนของการจัดตั้งโรงงานจะเป็นขั้นตอนต่อไปที่จะเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วเช่นกัน ซึ่งรวมไปถึงการพัฒนาโรงงานผลิตยางของ กยท. ที่มีอยู่ทั้ง 6 แห่ง ให้มีศักยภาพในการดำเนินงานเพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น โดยที่ผ่านมาโรงงานของ กยท. ได้รับการรับรองม
เมื่อวันที่ 15 ต.ค. น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. มีมติเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางพารา ระยะที่ 1 วงเงิน 24,000 ล้านบาท ตามมติคณะกรรมนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เพื่อให้เกษตรกรชาวสวนยาง 1.4 ล้านคน พื้นที่ปลูกยางพารา 17 ล้านไร่ ได้มีรายได้ที่แน่นอน โดยกำหนดราคาประกันยาง 3 ชนิด คือ 1.ยางแผ่นดิบคุณภาพดี ราคา กก.ละ 60 บาท 2.น้ำยางสด (DRC 100%) ราคา กก.ละ 57 บาท และ 3.ยางก้อนถ้วย (DRC 50%) ราคา กก. ละ 23 บาท โดยจะดำเนินการเป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่ ต.ค. 2562 ถึง มี.ค. 2563 ทั้งนี้ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการต้องขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลพื้นที่ปลูกยางกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ก่อนวันที่ 12 สิงหาคม 2562 โดยกำหนดเป็นสวนยางอายุ 7 ปีขึ้นไป ที่เปิดกรีดแล้ว สูงสุดรายละไม่เกิน 25 ไร่ มีเงื่อนไขว่า ปริมาณผลผลิตยางที่จะประกันรายได้อยู่ที่ 240 กก./ไร่/ปี หรือ 20 กก.ไร่/เดือน โดยการแบ่งสัดส่วนรายได้ เจ้าของสวน ร้อยละ 60 และคนกรีดยาง ร้อยละ 40 สำหรับการจ่ายเงินประกันรายได้เกษตรกรกำหนดจ่ายให้เร็วขึ้นจากเดิมที่กำหนดจ่าย 2 เดือน 1 ค