น้ำตาลโตนด
นายจิระ สุวรรณประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 (สวพ. 8) กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ปัจจุบัน สวพ. 8 ได้ให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์พื้นถิ่นของแต่ละจังหวัดยกระดับเป็นอาชีพเพื่อสร้างรายได้ หลังจากก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาการแปรรูปกล้วยฉาบน้ำตาลโตนดรำแดงพร้อมทั้งส่งเสริมการตลาดให้กับชุมชนควบคู่กัน โดย สวพ. 8 ร่วมกับชุมชนจัดทำตลาดพรีเมี่ยมรำแดงแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรม ที่บ้านป่าขวาง ต. รำแดง อ. สิงหนคร จ. สงขลา ซึงถือเป็นงานวิจัยที่พัฒนาชุมชนและเห็นผลได้จริง ตั้งแต่สร้างความเข้มแข็งชุมชน ผลิตพืชผสมผสาน รับรองมาตรฐาน แปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่มตลาดจัดจำหน่ายและการท่องเที่ยวจนได้รับการชื่นชมจาก พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ที่สามารถขับเคลื่อนโครงการวิจัยและพัฒนาการจัดการผลิตพืชที่ยั่งยืนโดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจนประสบความสำเร็จในเชิงรูปธรรม ในการส่งเสริมให้เกษตรกรในชุมชนนำวัตถุดิบจากท้องถิ่นมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สร้างรายได้ในครอบครัว ด้าน นายธัชธาวินท์ สะรุโณ ผู้
นายจิระ สุวรรณประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 (สวพ.8) กล่าวว่า ในการเดินทางเยี่ยมชมผลงานวิจัยและพัฒนาการแปรรูปกล้วยฉาบน้ำตาลโตนดรำแดง ต.รำแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา ของ พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี เมื่อเร็วๆ นี้ ได้กล่าวชื่นชมกรมวิชาการเกษตรในการขับเคลื่อนโครงการวิจัยและพัฒนาการจัดการผลิตพืชที่ยั่งยืนโดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จนประสบความสำเร็จในเชิงรูปธรรม ในการส่งเสริมให้เกษตรกรในชุมชนนำวัตถุดิบจากท้องถิ่นมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สร้างรายได้ในครอบครัว พร้อมให้นโยบาย ให้ สวพ.8 เข้าไปแนะนำส่งเสริมตลาดสินค้าให้ชุมชนมากขึ้น เพื่อยกระดับรายได้และความเป็นอยู่ของคนในชุมชน ซึ่ง สวพ.8 พร้อมเดินหน้าในการเร่งดำเนินการนโยบายดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ด้าน นายธัชธาวินท์ สะรุโณ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการผลิตพืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง สวพ.8 กล่าวเพิ่มเติมว่า การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กล้วยฉาบน้ำตาลโตนด เกิดจาก สวพ.8 ร่วมกับกลุ่มเกษตรกรวิจัยการปลูกพืชตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง พัฒนาผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์พื้นถิ่นนำเอากล้วยที่ปลูกบนดินยุคโฮโลซีน เมื่อทะเลยกตัวราว 5,000 ปีมาแล
พื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี มีต้นตาลจำนวนไม่น้อย ส่วนใหญ่ไม่ได้ปลูก แต่เป็นตาลที่ขึ้นตามธรรมชาติ และธรรมชาติของต้นตาล จะมีอายุยืนยาวเกินร้อยปี ให้ผลผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องบำรุงรักษาเหมือนพืชชนิดอื่น ตำบลกะมิยอ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ขึ้นชื่อในเรื่องของการทำตาลแว่น และ น้ำตาลเหลว ตำบลกะมิยอ มีทั้งสิ้น 7 หมู่บ้าน ในทุกหมู่บ้านมีชาวบ้านที่อาศัยภูมิปัญญาท้องถิ่น เก็บน้ำตาลจากตาลโตนด นำมาแปรรูปเป็นตาลแว่น และน้ำตาลเหลว สร้างรายได้ คุณวิรวรรณ มูลจันที ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เมืองปัตตานี ผู้ดูแลการศึกษานอกระบบในพื้นที่อำเภอเมือง บอกว่า พื้นที่ปลูกตาลโตนดในอำเภอเมืองมีมาก และมีการเก็บน้ำตาลโตนดมาแปรรูปเป็นตาลแว่น น้ำตาลเหลว ก็มากเช่นกัน แต่กรรมวิธีการผลิตจะต่างกัน ขึ้นกับภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น “แรกเริ่มเดิมทีชาวบ้านแต่ละท้องถิ่นก็ผลิตน้ำตาลออกมาตามสูตรของแต่ละบ้าน แต่ละครัวเรือน แต่ครั้งนี้ ต้องขอแนะนำเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน และผลิตน้ำตาลแว่น รวมถึงน้ำตาลเหลว ออกมาได้อย่างมีคุณภาพ 100 เปอร์เซ็นต์” ผอ.กศน.เมืองปัตตาน
สมัยตอนเป็นเด็ก วิ่งเล่นอยู่ที่ราชบุรีนั้น ผมจำได้ว่า เวลาถูกใช้ให้ไปซื้อน้ำตาลปี๊บที่ตลาด จะต้องถูกกำชับให้บอกแม่ค้าว่า เอาแบบที่ “ไม่ใส่ยาซัด” เพราะถ้าใส่ ปึกน้ำตาลนั้นจะแข็งกระด้าง กินไม่อร่อย ในตอนนั้น น้ำตาลปี๊บที่ขายแถวบ้านผมนั้นจะทำจากน้ำหวานงวงต้นตาลหรือมะพร้าว ผมเองก็ไม่รู้นะครับ แถมยาซัดที่ว่านั่นคืออะไรก็ไม่เคยถามแม่ค้าสักที พอโตขึ้นมาก็เริ่มเข้าใจว่า อันน้ำตาลปี๊บที่ผมรู้จักส่วนใหญ่ทำจากน้ำตาลมะพร้าวและตาลโตนด และ “ยาซัด” แบบง่ายๆ แบบหนึ่ง ก็คือ น้ำตาลทราย ซึ่งเมื่อผสมในสัดส่วนที่เหมาะสม จะทำให้น้ำตาลปี๊บนั้นแข็ง ไม่อ่อนตัวง่าย บรรจุส่งขายได้สะดวก ส่วนน้ำตาลอ้อย สีคล้ำๆ เป็นแว่นขนาดงบน้ำอ้อยบ้าง ทรงกระบอกสั้นบ้าง ยาวบ้างนั้น ผมมารู้จักเอาทีหลัง และผมชอบรสชาติ ตลอดจนกลิ่นหอมแบบดิบๆ ของมันมาก โดยเฉพาะเวลาอมเล่นเป็นขนมหวานตอนปั่นจักรยานเหนื่อยๆ ที่จริง ภาพจำของผมเกี่ยวกับน้ำตาลที่ขายๆ กันในตลาดก็น่าจะชัดเจนตามที่พรรณนามาแล้วนะครับ อย่างอื่นๆ อย่างเช่น น้ำตาลกรวด น้ำตาลตังเม (แบะแซ) ก็ล้วนแต่รู้จักแล้วทั้งสิ้น…แต่บางครั้ง เรื่องน้ำตาลที่ว่าหวานๆ ก็กลับซับซ้อนเกินกว่าจะคาด