บำรุงดิน
ใครจะคิดว่า “กะปิ” ของที่อยู่คู่ครัวไทย จะกลายเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำ ไคโตซาน ธรรมชาติที่ใช้บำรุงพืช บำรุงดินได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ต้องเสียเงินซื้อไคโตซานราคาแพงอีกต่อไป วันนี้เราจะพาไปรู้จัก “ไคโตซานจากกะปิ” พร้อมสูตรทำเองง่ายๆ และวิธีใช้งานที่เห็นผลจริงในแปลงเกษตร ไคโตซาน (Chitosan) เป็นสารธรรมชาติที่ได้จากการสกัด “ไคติน” ซึ่งพบมากในเปลือกกุ้ง เปลือกปู หรือแม้แต่ใน “เคย” ที่ใช้ทำกะปิ เมื่อสกัดออกมาแล้วจะได้สารไคโตซานที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานของพืช ทำให้พืชแข็งแรง ต้านโรค ต้านแมลง และยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้ร่วนซุยอีกด้วย ประโยชน์ของไคโตซานจากกะปิ วิธีผลิตไคโตซานจากกะปิ ใช้ง่าย ทำเองได้ที่บ้าน วัสดุที่ต้องเตรียม ขั้นตอนการทำ วิธีใช้ไคโตซานจากกะปิ
ใครที่ปลูกผักสวนครัว แล้วในแปลงมีผักบุ้งอยู่ นอกจากเอาไปทำเมนูต่างๆ ได้แล้ว ยังสามารถนำมาทำน้ำหมักได้ด้วย เนื่องจากในผักบุ้งมีฟอสฟอรัสและไนโตรเจนสูงเมื่อนำมาทำเป็นน้ำหมัก เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของพืชและช่วยปรับสภาพดินให้ร่วนซุยอีกด้วย วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านมีสูตร “น้ำหมักจากผักบุ้ง” มาฝากพี่ๆ น้องๆ ใช้บำรุงพืชที่สวนที่แปลงของตัวเองได้ง่ายๆ จะมีวิธีการทำอย่างไรบ้าง มาดูรายละเอียดกันเลย คุณตาอุทัย แก่นสกล เกษตรกรผู้มีความเชี่ยวชาญในด้านการทำเกษตรผสมผสานและทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ชีวภาพ ได้แนะนำว่า น้ำหมักสูตรต่างๆ นั้นก็มีประโยชน์มากมาย เพียงแต่ว่าคนใช้นั้นต้องใช้ให้ถูกวิธี และในปริมาณที่เหมาะสม เป็นน้ำหมักแบบธรรมดาที่ทำเองได้อย่างง่าย ใช้ได้กับพืชทุกชนิดและใช้ในการปรับปรุงบำรุงดิน แปลงพืชผสม ผสานได้เป็นอย่างดี 🪴วิธีการ 1. นำผักบุ้งมาหั่นให้ยาวประมาณ 2-3 นิ้ว แล้วก็นำลงไปในถังหมัก 2. ละลายสารเร่ง พด. 7 ในน้ำสะอาดเทลงไปในถังหมัก 3. ตามด้วยกากน้ำตาล คนให้เข้ากัน แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 3 เดือน เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปใช้ในการบำรุงดินในนาข้าวและแปลงปลูกพืชอื่นๆ ได้เลย 🪴วัตถุดิบ ผักบุ้ง จำนวน 9 กิ
ใครที่กินสับปะรดแล้ว อย่า อย่า❗️เพิ่งนำเปลือกไปทิ้ง สามารถเอาไปทำประโยชน์ได้ เป็นจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในตาและเปลือกของสับปะรด นำมาทำจุลินทรีย์น้ำหมักสับปะรดได้ เพื่อบำรุงการเจริญเติบโตของต้นพืช และยังมีสรรพคุณช่วยปรับสภาพดินจากดินแข็ง ดินเหนียว ดินดาน ทำให้ดินมีความร่วนซุยมากขึ้น 🪴วิธีการ 1. ฉีกหรือสับเปลือกสับปะรดให้มีขนาดเล็กลง ยิ่งเล็กก็ยิ่งทำให้การนำไปใช้ประโยชน์และการย่อยสลายง่ายขึ้น จากนั้นนำไปใส่ถังหมัก 2. เติมน้ำเปล่าเล็กน้อยในขวดบรรจุกากน้ำตาล เพื่อทำการละลายกากน้ำตาล เมื่อกากน้ำตาลละลายแล้ว ให้เติมลงไปในถังหมัก 3. เติมน้ำเปล่าให้พอท่วมเปลือกสับปะรด 4. คนส่วนผสมให้เข้ากัน จากนั้นปิดฝา 🪴วัตถุดิบ – เปลือกสับปะรด จำนวน 1 กิโลกรัม – กากน้ำตาล จำนวน 100 มิลลิลิตร – น้ำเปล่า – ถังหมักพร้อมฝาปิด ✨วิธีการนำไปใช้ – นำไปรดพืชผัก ใช้อัตราส่วน 20 ซีซี : น้ำ 20 ลิตร มีประโยชน์ช่วยในการปรับสภาพดินและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเจริญเติบโตของราก เมื่อรากพืชเดินได้ดี ต้นพืชของเราก็จะเจริญงอกงาม – รองพื้นก้นหลุมหรือใช้ปรับสภาพดิน อัตราส่วน 100 ซีซี : น้
มีคำพูดกันจนติดปากว่า ถ้าใช้ปุ๋ยเคมีติดต่อกันนานๆ ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจะกลับลดลงเรื่อยๆ เพราะปุ๋ยเคมีทำให้ดินเสีย เช่น ทำให้ดินแข็งไถพรวนยาก พืชกินปุ๋ยได้น้อยลง จึงไม่เติบโตดีเท่าที่ควร ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นที่เคยสูงก็จะลดลงเรื่อยๆ ทำให้ต้องใช้ปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสมือนกับการใช้ปุ๋ยเคมีนั้นเป็นยาเสพติด ฯลฯ คำกล่าวนี้มีข้อเท็จจริงมากแค่ไหน? ปัญหาดินแข็งและแน่นทึบ เกิดจากอะไรได้บ้าง? ดินที่ปลูกพืชได้ผลผลิตสูงแต่เดิมนั้นเป็นดินดี เพราะมีดินชั้นบนเป็นดินโปร่งร่วนซุย และอุดมสมบูรณ์ เมื่อเราไถพรวนดินเพาะปลูกพืชอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมานาน โดยไม่มีการปรับปรุงบํารุงดินเลยนั้น ดินก็จะเสื่อมสภาพ กลายเป็นดินเลว พืชผลที่ได้จากการเพาะปลูกจะลดลงอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตาม ปกติของดินกับการเพาะปลูก สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจากการเตรียมดินเพื่อการเพาะปลูก แต่ละครั้งต้องมีการไถพรวนดิน สภาพโล่ง เตียนเมื่อมีฝนตกในช่วงนี้ ก่อนพืชที่ปลูกจะปกคลุมหน้าดิน จะเกิดการชะล้างพังทลายหน้าดิน โดยฝนที่ตกแต่ละครั้งที่เรียกว่าการชะกร่อน ทําให้หน้าดินสูญหายไปกับน้ำที่ไหลบ่าผ่านหน้าดินอยู่เรื่อยๆ นานเข้าดิ