บุรีรัมย์
บันทึกหน้าใหม่ ปลูกกัญชา บ้านละ 6 ต้น เกิดขึ้นจริง “อนุทิน” มอบต้นกล้ากัญชา ใน “งานปลูกกัญชา 6 ต้น โนนมาลัยโมเดล” จ.บุรีรัมย์ วันพรุ่งนี้ (11 ก.พ. 64) นพ.กิตติ โล่สุวรรณรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันกัญชาทางการแพทย์ เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีกำหนดการมอบต้นกล้ากัญชา ใน “งานปลูกกัญชา 6 ต้น โนนมาลัยโมเดล” ที่ บ้านโศกนาค ตำบลหินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ในวันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 โดยมี นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ดร. กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกิจกรรม น.พ. กิตติ กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรไทยโนนมาลัย จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านโนนมาลัย ได้รับต้นแม่พันธุ์กัญชาสายพันธุ์หางกระรอก จากโรงพยาบาล (รพ.) เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี เพื่อเตรียมนำไปปลูกในพื้นที่วิสาหกิจชุมชนบ้านละ 6 ต้น และนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และสุขภาพ โดยจะปลูกในวันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 โครงการดังกล่าวเป็นการวิจ
คุณสุริยันต์ วรรณวงษ์ ประมงจังหวัดบุรีรัมย์ ให้ข้อมูลว่า ผลผลิตทางประมงภายในจังหวัดบุรีรัมย์มี 2 ช่องทางในการทำรายได้คือ ช่องทางแรก ปลาที่ได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติตามห้วย หนอง คลองบึงต่างๆ ซึ่งมีสัตว์น้ำอยู่ภายในแหล่งน้ำเหล่านี้ทำให้ชาวบ้านสามารถจับขึ้นมาบริโภคและจำหน่ายสร้างเป็นรายได้ และช่องทางที่สอง สัตว์น้ำอันเกิดมาจากการเลี้ยงเป็นเชิงการค้า เพราะบางช่วงฤดูกาลสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงทำให้มีการเลี้ยงมากขึ้นเพื่อเพิ่มจำนวนประชากรสัตว์น้ำ “การทำประมงของเกษตรกร แต่ละพื้นที่ก็จะมีการเลี้ยงชนิดปลาที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและปริมาณน้ำ ถ้าพื้นที่ไหนมีน้ำมากหน่อย ก็จะมีการส่งเสริมการเลี้ยงปลาที่แตกต่างกันไป เช่น ปลาตะเพียน ปลานิล ส่วนพื้นที่น้ำไม่เพียงพอก็จะส่งเสริมให้เลี้ยงสัตว์น้ำแบบใช้น้ำน้อย เช่น การเลี้ยงกบ ปลาดุก ในกระชังบก โดยการทำประมงแต่ละอย่างจะเน้นดูพื้นที่เป็นหลัก จากนั้นก็ส่งเสริมการทำตลาดแบบนำมาแปรรูปขายเอง เพื่อให้เกิดรายได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น” คุณสุริยันต์ กล่าว คุณชุมนุม ยงสืบชาติ อยู่ที่บ้านเลขที่ 199 หมู่ที่ 13 ตำบลสำโรงใหม่ อำเภ
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายพีรพนธ์ กิจโกศล ผู้ตรวจราชการกรม เขตตรวจราชการที่ 13,14 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงสีข้าวกลุ่มเกษตรกรทำนาปะเคียบ ตำบลปะเคียบ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมี นายเผด็จ ลิ้มอุบัติตระกูล ประธานกลุ่มเกษตรกรทำนาปะเคียบ และคณะให้การต้อนรับ โรงสีข้าวกลุ่มเกษตรกรทำนาปะเคียบได้รับเงินอุดหนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 โครงการไทยนิยมยั่งยืน จำนวน 16,272,000 บาท และทางกลุ่มเกษตรกรสมทบเพิ่มอีก จำนวน 1,808,000 บาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การตลาด สำหรับรองรับข้าวเปลือกจากสมาชิก ได้แก่ โรงสีข้าว ขนาด 24 ตัน/วัน พร้อมอุปกรณ์และโรงเรือน จำนวน 1 แห่ง, เครื่องยิงสี ขนาด 130 ช่อง จำนวน 1 เครื่อง, เครื่องซีลสุญญากาศ ขนาด 1 แรงม้า จำนวน 1 เครื่อง, เครื่องชั่งและบรรจุ กึ่งอัตโนมัติ ขนาด 15-50 กิโลกรัม จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งทางกลุ่มฯ ได้ตั้งเป้าที่จะใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์และเครื่องมือที่ได้รับ มารวบรวมข้าวเปลือกหอมมะลิจากสมาชิกในฤดูกาล ซึ่งจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงเดือนพฤศจิกา
อัศจรรย์ทราวดีแดนอีสาน เรืองนามเมืองปราสาทหิน เคล้ากลิ่นบ้านนาภูเขาไฟ ยลซิ่นไหมลายงามแห่งจังหวัดบุรีรัมย์ เยือนถิ่นเทวสถานของบ้านโคกเมือง ณ ปราสาทเมืองต่ำ ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมขอมศิลปะแบบบาปวน เรียนรู้ตำนานอาหารไทยโบราณ พร้อมสืบสานคุณค่างานหัตถกรรมของช่างศิลป์ท้องถิ่นไทย ค้นหาเสน่ห์เมืองมรดกแห่งวัฒนธรรม สัมผัสความน่ารักของพี่น้องชาวภาคอีสาน ณ หมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว จังหวัดบุรีรัมย์ กับ “จ๊อบ – นิธิ สมุทรโคจร” ที่มาพร้อมกับดูโอ้หนุ่มลูกครึ่งหัวใจไทยแลนด์อย่าง “เจมส์ – กิจเกษม แมคแฟดเดน” ตามรอยอารยธรรมขอมโบราณ เบิ่งเสน่ห์วิถีถิ่นอีสานใต้อย่าง การแสดงรำตร๊ดของชาว “บ้านสนวนนอก” พร้อมสัมผัสวิถีชุมชนแบบลึกซึ้งที่ “บ้านกิจสมบูรณ์” เรียนรู้ภูมิปัญญาผ่านงานทอผ้าลวดลายเป็นเอกลักษณ์ สืบทอดตำนานขนมโบราณอย่าง ขนมนุมอันซอมตรุย หรือขนมกรวย อันเป็นสูตรลับของผู้เฒ่าผู้แก่ที่ยังคงส่งต่อรสชาติถึงมือคนรุ่นหลังได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน จากนั้นไปสัมผัสความอันซีนถิ่นปราสาทหินน้ำล้อม ณ ปราสาทเมืองต่ำ “บ้านโคกเมือง” ชมความงามอันวิจิตรของสถาปัตยกรรมหินแกะสลักตามแบบฉบับศิลปะขอมโบราณ ห้อมล้
ประชาชน และเกษตรกรที่บุรีรัมย์หวั่นเกิดวิกฤตภัยแล้งหนัก หลังแหล่งกักเก็บน้ำมีปริมาณน้ำน้อย ตื้นเขิน แห้งขอด ตั้งแต่ต้นฤดูแล้ง ยื่นขอเจาะบ่อบาดาลเพื่อสำรองไว้ใช้อุปโภค และเพื่อการเกษตรแล้วกว่า 200 ราย ขณะสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบุรีรัมย์ เตือนผู้ที่ต้องการใช้น้ำบาดาล และผู้รับจ้างขุดเจาะต้องยื่นขออนุญาตให้ถูกต้อง นายสา แสงสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ปีนี้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ลำคลองตามธรรมชาติหลายแห่งในจังหวัดบุรีรัมย์ มีปริมาณตื้นเขินและแห้งขอดลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูแล้ง ทำให้ประชาชนและเกษตรกรเกิดความกังวลเกรงจะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ จึงได้ไปยื่นขอขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อสำรองไว้ใช้ในการอุปโภค และเพื่อการเกษตรที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้มีประชาชน และเกษตรกร มายื่นขอเจาะบ่อบาดาลและได้รับอนุญาตไปแล้วกว่า 240 ราย และคาดว่าจะมีประชาชน เกษตรกร ทยอยมายื่นขออย่างต่อเนื่อง ซึ่งตามระเบียบขั้นตอน ผู้ที่มายื่นขอจะต้องนำเอกสารหลักฐานสำเนาบัตรประชาชน ทะเบี
คุณนวนิตย์ พลเคน เกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ ให้ข้อมูลว่า ประชากรส่วนใหญ่ภายในจังหวัดบุรีรัมย์มีการทำเกษตรที่หลากหลาย ซึ่งประกอบไปด้วยการทำพืชไร่เป็นหลัก คือ การทำนา ประมาณ 2,700,000 ไร่ รองลงมาคือ ไร่มันสำปะหลัง ไร่อ้อย และสวนยางพารา ต่อมาเมื่อราคาพืชไร่มีความผันผวน ทำให้เกษตรกรที่ทำพืชไร่บางส่วนได้มีการปรับเปลี่ยนแบ่งพื้นที่นาและพืชไร่มาทำเกษตรผสมผสานมากขึ้น เพื่อให้เป็นการปรับเปลี่ยนจากพื้นที่ปลูกข้าวที่ได้ผลผลิตไม่ดี มาทำพืชอย่างอื่นแทน เป็นการลดต้นทุนการผลิต เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลาย สร้างรายได้เพิ่มขึ้นในครัวเรือน “ปัจจุบัน ชาวบ้านในจังหวัดบุรีรัมย์ เริ่มตระหนักถึงเรื่องการลดต้นทุนการผลิต ได้มีการมองเห็นโอกาสในเรื่องของการตลาด มีการปรับเปลี่ยนทำการเกษตรให้สอดคล้องต่อความต้องการของตลาดมากขึ้น เพื่อให้การทำเกษตรมีประสิทธิภาพและได้ผลผลิตที่จำหน่ายได้ราคา เป็นที่ต้องการของตลาด ดังนั้น ในเรื่องของการทำเกษตร จึงมีการทำแบบผสมผสาน ไม่ทำพืชเชิงเดี่ยวมากเกินไป เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในเรื่องของราคาสินค้า มีผลผลิตหลายชนิดสำหรับจำหน่าย” คุณนวนิตย์ กล่าว เน้นสร้างตลาด ด้วยการรวมกลุ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จังหวัดบุรีรัมย์ ว่าขณะนี้ประชาชนและ นักท่องเที่ยว เริ่มเดินทางขึ้นไปสัมผัสลมหนาว ชมวิวทิวทัศน์ และเมฆหมอกที่สวยงามบนยอดภูเขาไฟกระโดง ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะที่ทางจังหวัดจะร่วมกับวนอุทยานภูเขาไฟกระโดง จัดงาน “เทศกาลภูเขาไฟ สัมผัสลมหนาวคืนเดือนหงาย” บริเวณปากปล่องภูเขาไฟ ในวันที่ 2-3 ธันวาคม นี้ ภายในงานจะแสดงประวัติความเป็นมาของการเกิดภูเขาไฟ การแสดงแสงสีเสียงอัปสราเล่นไฟ ตำนานรัก “ปาจิต อรพิม” เล่าขานกันว่า ท้าวปาจิตเป็นโอรสแห่งนครธม กับนางอรพิม หญิงสาวชาวนา มีความรักแต่ต้องพลัดพรากจากกัน ต้องผจญภัยฟันฝ่าอุปสรรค และเรื่องราวปาฏิหาริย์มากมายเป็นเวลาถึง 7 ปี จึงได้กลับมาพบและครองรักกัน แสดงให้เห็นถึงความรักแท้ของคนในสมัยอดีต รวมถึงออกร้านจำหน่ายสินค้าและอาหารที่เกี่ยวเนื่องกับภูเขาไฟอีกด้วย นายรณภพ ณรงค์ หัวหน้าวนอุทยานภูเขาไฟกระโดง กล่าวว่าช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นมาสัมผัสลมหนาว และชมวิวบนยอดเขากระโดง เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นลง คาดว่าหากอากาศหนาวมากกว่านี้ จะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาสัมผัสลมหนาวเพิ่มขึ้น ส่วนงานเทศกาลภูเขาไฟ สัม