ประโยชน์แหนแดง
“แหนแดง” พืชมหัศจรรย์ มีประโยชน์ทางด้านการเกษตร ประมง เลี้ยงสัตว์ เป็นพืชที่สามารถเพาะเลี้ยงได้ในภาชนะขนาดเล็ก วัสดุที่มีอยู่ในบ้าน เช่น กะละมัง กล่องโฟม และการเพาะเลี้ยงในบ่อดินหรือทุ่งนา ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เลี้ยง สิ่งสำคัญที่ทำให้แหนแดงเจริญเติบโตมีอยู่ 3 อย่าง คือ น้ำ อาหาร และแสงแดด แหนแดง มีอยู่มากมาย ประมาณ 7 สายพันธุ์ แต่ที่เหมาะสำหรับประเทศไทยมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ อะซอลล่า พินนาต้า (Azolla pinnata) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมในประเทศไทย กับสายพันธุ์ อะซอลล่า ไมโครฟิลล่า (Azolla microphylla) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่กรมวิชาการเกษตรนำเข้ามาเพื่อคัดพันธุ์ สายพันธุ์ อะซอลล่า พินนาต้า (Azolla pinnata) เป็นสายพันธุ์ท้องถิ่น มีถิ่นกำเนิดกระจายอยู่เป็นบริเวณกว้างของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน อินเดีย และออสเตรเลีย โดยจะมีลักษณะใบบนและล่างมีขนาดใกล้เคียงกัน ใบล่างค่อนข้างโปร่งใส มีคลอโรฟิลล์น้อยมาก ใบบนเป็นสีเขียวมีคลอโรฟิลล์ สายพันธุ์ อะซอลล่า ไมโครฟิลล่า (Azolla microphylla) เป็นสายพันธุ์ที่ปรับปรุงโดยกรมวิชาการเกษตร มีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่บริเวณเขตร้อนของอเมริกาและหมู่เกาะเวสต
แหนแดง สามารถไปทดแทนปุ๋ยยูเรียได้ในขณะที่ปุ๋ยมีราคาแพง และไม่ต้องกังวลในเรื่องของปุ๋ยปลอม แหนแดงเหมาะใช้ผสมกับดินปลูกเพื่อทำเกษตรอินทรีย์ แหนแดงสามารถนำไปเป็นอาหารสัตว์ได้ด้วย กินได้ทั้งสดและแห้ง ควบคู่ไปกับอาหารเม็ด หรือผสมกับฟางข้าวหรือหญ้าแห้งก็ได้ เพราะองค์ประกอบของแหนแดงมีโปรตีนสูง ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ มีอะมิโนแอซิดครบทุกตัว จึงเหมาะที่จะเป็นอาหารสัตว์ ในช่วงหน้าแล้งขาดแคลนหญ้าอาหารสัตว์ เกษตรกรสามารถใช้แหนแดงสดหรือแห้งผสมกับฟางแห้งหรือหญ้าแห้ง สัตว์ก็จะได้อาหารที่มีคุณภาพดี เกษตรกรสามารถเพาะเลี้ยงแหนแดงโดยเลี้ยงในบ่อน้ำตื้น ประมาณ 4-5 เซนติเมตร แหนแดงจะไม่มีวันขาดแคลน เก็บเกี่ยวได้ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะแหนแดงจะเจริญเติบโตและขยายตัวไปได้เรื่อยๆ แหนแดง” พืชน้ำมหัศจรรย์ เปรียบเหมือนโรงงานผลิตปุ๋ย ใช้ปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์ ทำเกษตรอินทรีย์ ช่วยลดต้นทุน แหนแดง เป็นพืชตระกูลเฟิร์นชนิดลอยน้ำ เจริญเติบโตลอยอยู่บนผิวน้ำที่ที่มีน้ำขังในเขตร้อนและเขตอบอุ่น แหนแดงที่พบอยู่ทั่วโลกมีอยู่ด้วยกัน 7 ชนิด ในประเทศไทยมีอยู่เพียงชนิดเดียว คือ อะซอลล่า พินนาต้า (Azolla pinnata) แหนแดง มีอยู่มา