ปลาบ่อรวม
คุณวรรลี สิงห์ธงยาม เจ้าหน้าที่สำนักงานประมงอำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ข้อมูลว่า ภายในอำเภอแห่งนี้มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนทั้งหมด 300 กว่าราย โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นการเลี้ยงปลาทั้ง 2 แบบ คือ เลี้ยงเพื่อยังชีพ และเลี้ยงเพื่อเป็นรายได้เสริมหรือกระทั่งเลี้ยงแบบในเชิงพาณิชย์ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเลี้ยงเป็นปลากินพืช เช่น ปลานิล และที่นิยมเลี้ยงเป็นเชิงพาณิชย์แบบทำรายได้เป็นอาชีพหลักเป็นการเลี้ยงปลาดุกอย่างเดียว นอกจากจะเลี้ยงปลาแล้ว ทางหมู่บ้านยังมีการนำปลามาแปรรูป เช่น ทำเป็นปลารมควัน “อำเภอนี้เวลาเลี้ยงปลา จะเลี้ยงแบบธรรมชาติ อย่างปลาดุก ต้นทุนสูง จะใช้เวลาเลี้ยง 6 เดือน ถึงจะจับ เพราะถ้าใช้เวลาการจับน้อยกว่า 6 เดือน คุณภาพของปลาจะไม่ได้มาตรฐานตามที่ท้องตลาดต้องการ โดยการขายจะเป็นการขายแบบผูกพัน หมายถึงใครเคยจับกับเจ้าไหนก็จะจับอยู่กับเจ้าเดิม ซึ่งขนาดของปลาจะเรียกโดยใช้สรรพนามแทนคำว่า ตัวเล็ก ตัวใหญ่ โดยมี 3 ขนาด คือ ขนาดปลาเค็ม ขนาดปลาฝอย และขนาดปลาโบ้ โดยชาวบ้านจะรู้กันว่าคือ ขนาดกี่กิโลกรัม อาหารของปลาก็จะมี ทั้งหัวปลาที่เป็นเศษจากการทำปลารมควัน ไส้ไก่ที่เอามาจากโรงงานที่รับมาจากสระบุ
จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันนั้น ในเรื่องของการทำเกษตรเพียงด้านเดียวนั้นไม่สามารถที่จะสร้างรายได้ที่เกิดจากความมั่นคงได้ จึงทำให้เกษตรกรหลายรายเริ่มมีการปรับเปลี่ยนในการทำเกษตรมากขึ้น อย่างเช่น เกษตรกรด้านการประมงนั้น ได้ปรับเปลี่ยนจากการเลี้ยงปลามาผสมผสานกับการทำเกษตรในด้านอื่นๆ เข้าด้วยกัน คือ การแบ่งพื้นที่ให้ผมสัดส่วนที่เหมาะสมมาปลูกพืชอื่นๆ แซมเข้าไปในบริเวณพื้นที่เลี้ยงปลา จึงทำให้เกิดรายได้หลากหลายช่องทาง สร้างเป็นอาชีพที่ยั่งยืนให้กับตนเองได้เป็นอย่างดี คุณเฉลิม จันทร์รอด อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านไร่ อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ได้ปรับเปลี่ยนการทำเกษตรเชิงเดี่ยวมาเลี้ยงปลาแบบหลายๆ ชนิด พร้อมกับทำเกษตรปลูกพืชชนิดอื่นๆ เข้าไปด้วย จึงทำให้ในแต่ละสัปดาห์สามารถมีรายได้จากการจำหน่ายปลา และพืชผลทางการเกษตรชนิดอื่นๆ ไปพร้อมกัน คุณเฉลิม เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนนั้นมีอาชีพทำนาข้าวเพียงอย่างเดียว แต่ผลผลิตทางการเกษตรที่ได้มานั้น ราคาที่จำหน่ายได้ยังไม่ได้มากนักเท่าที่ควร พร้อมกับเจอภัยธรรมชาติต่างๆ จึงทำให้ได้ตัดสินใจมาปรับเปลี่ยนการทำเกษตรแบบใหม่ คือการเลี้ยงปลาควบคู่ไปกับการปล
คุณอนิวรรตย์ สมชีวิตา นักวิชาการประมงปฏิบัติการ สำนักงานประมงจังหวัดนครนายก ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน ทางประมงจังหวัดนครนายกได้นำนโยบายเกี่ยวกับการลดต้นทุนการผลิตในการทำประมงมาปรับใช้ภายในพื้นที่ของเกษตรกรผู้ทำประมงในจังหวัดนครนายก ซึ่งจังหวัดนครนายกมีพื้นที่การเลี้ยงสัตว์น้ำ ประมาณ 700,000 กว่าไร่ เกษตรกรทั้งหมดประมาณ 3,000 กว่าราย โดยส่วนใหญ่จะทำการประมงแบบกึ่งพัฒนา คือการเลี้ยงแบบผสมผสาน ภายใน 1 บ่อ มีปลาหลายชนิดอยู่รวมกัน “การเลี้ยงปลาแบบบ่อรวม จะมีการเลี้ยงกระจายทั่วจังหวัด ซึ่งในอำเภอองครักษ์ก็มีการเลี้ยงปลาแบบบ่อรวมค่อนข้างเยอะพอสมควร ประมาณ 300 กว่าราย และในปี 2561 เราจะมีการจัดให้พื้นที่แถวนี้เข้าโครงการแปลงใหญ่ เพราะการเลี้ยงปลาในลักษณะนี้ค่อนข้างมีปลาให้จับได้หลากหลาย เวลาที่เกษตรกรจับขายก็สามารถขายแยกชนิดกันได้ ซึ่งตอนนี้เกษตรกรบางรายก็จะมีการปล่อยกุ้งขาว นำมาเลี้ยงภายในบ่อปลาด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ทำประมงได้อีกทาง พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการเลี้ยงแบบลดต้นทุนมากขึ้น ก็เป็นการช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย พร้อมทั้งเลี้ยงแบบในฟาร์มมีมาตรฐานตามที่ก
คุณชุมนุม ยงสืบชาติ อยู่ที่บ้านเลขที่ 199 หมู่ที่ 13 ตำบลสำโรงใหม่ อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผู้ที่ยึดการทำเกษตรหลากหลาย แต่ที่โดดเด่นและเกิดเป็นรายได้เป็นเรื่องของการทำประมงและเลี้ยงสัตว์ ซึ่งพื้นที่ทำการเกษตร 100 เปอร์เซ็นต์ เขาได้แบ่งมาทำประมงอยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีก 60 เปอร์เซ็นต์ก็ทำการเกษตรด้านอื่นๆ เช่น ปศุสัตว์ นาข้าว และพืชไร่บางชนิด เพื่อเสริมรายได้อีกหนึ่งช่องทาง คุณชุมนุม เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่เริ่มประกอบอาชีพมาได้ยึดการทำเกษตรเป็นอาชีพหลัก สร้างรายได้ให้กับครอบครัว โดยการเลี้ยงปลาในช่วงแรกจะเน้นเลี้ยงปลานิลเพียงอย่างเดียว จึงทำให้ในช่วงเวลาที่ราคาตกลงปลานิลที่เลี้ยงจำหน่ายได้ราคาที่ลดลงไปด้วย จึงได้ทำการปรับเปลี่ยนเลี้ยงปลาให้หลากหลายชนิดมากขึ้น เป็นแบบบ่อรวม ภายใน 1 บ่อมีปลามากกว่า 1 ชนิด เช่น ปลาตะเพียน ปลานิล และปลากินพืชอื่นๆ “บ่อปลาที่เลี้ยง ผมก็จะแยกบ่อการเลี้ยงอย่างชัดเจน อย่างบ่อที่ใช้สำหรับสร้างลูกพันธุ์ ก็จะเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์เพื่อผลิตลูกอย่างเดียว ส่วนบ่อไหนที่เลี้ยงสำหรับสร้างเป็นปลาเนื้อ ก็จะเลี้ยงผลิตเป็นปลาเพื่อส่งขายให้กับตลาด ต่อมาได้
คุณวสันต์ อินคล้าย อยู่บ้านเลขที่ 179 หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านไร่ อำเภอดำเนินสะดวก เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรในจังหวัดราชบุรี ที่เลี้ยงปลาแบบแหวกแนว โดยเลี้ยงในรูปแบบที่ไม่เน้นปลาชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่ทำการเลี้ยงในรูปแบบผสมผสาน หรือเรียกง่ายๆ ว่า เลี้ยงปลารวมแบบประหยัดต้นทุน ซึ่งใน 1 บ่อ มีปลามากกว่า 2 ชนิด จากการเลี้ยงวิธีนี้ทำให้เขาประสบผลสำเร็จ เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้เขาได้เป็นอย่างดี คุณวสันต์ เล่าให้ฟังว่า แรกเริ่มเดิมทีมีอาชีพเย็บผ้าอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เมื่อแต่งงานกับภรรยา จึงมีแนวคิดที่จะย้ายมาอยู่ที่จังหวัดราชบุรี เพราะมองว่าเมื่ออายุมากขึ้นสายตาที่จะทำอาชีพเย็บผ้าต่อไปคงจะไม่ไหว จึงมาเริ่มค้าขายทั่วไปอยู่ที่จังหวัดราชบุรี “ช่วงที่มาอยู่ก็ค้าขายทั่วไป จำหน่ายค้าขายของได้ดีมากช่วงนั้น ก็เริ่มมีเงินสร้างบ้าน พอมีเงินเก็บได้ก้อนหนึ่งก็เริ่มเปลี่ยนมาเลี้ยงกุ้ง สรุปเลี้ยงกุ้งก็ไม่ได้กำไร เป็นหนี้ พอปี 38 เปลี่ยนมาเลี้ยงปลานิลก็ขาดทุนเหมือนกัน พอมันใกล้จะจับจำหน่ายได้ปลานิลมาตายยกบ่ออีก ช่วงนั้นก็เลี้ยงปลาดุกอยู่ด้วย ก็เลยเอาปลานิลที่ตายทั้งหมดมาบดให้ปลาดุกกิน ทำไปทำมาปลาดุกนี่ทน เลี้ยงแล้วไม่ตา
คุณสมใจ ไวทยกุล อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 5 ตำบลบึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี หญิงวัยเกษียณที่มากด้วยความสุข จากสิ่งที่เธอทำ คือ การเลี้ยงปลาซึ่งภายใน 1 บ่อ จะปล่อยปลามากกว่า 3 ชนิด ปลาสามารถเจริญเติบโตได้ดี การเลี้ยงของเธอทำให้อัตราการรอดของปลาค่อนข้างสูง เน้นให้อาหารที่หาได้จากชุมชนและที่สำคัญเมื่อปลาโตจำหน่ายได้ราคา คุณสมใจ เล่าให้ฟังว่า ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตจะได้มาเลี้ยงปลาแบบที่เป็นอยู่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ดำรงชีวิตเป็นแม่บ้าน แต่เนื่องจากพี่ชายของเธอมาขอยืมที่ดินเพื่อเลี้ยงปลา ต่อมาพี่ชายเสียชีวิตเธอจึงได้หันมาประกอบอาชีพนี้โดยตรง “ช่วงแรกประมาณปี 54 หลังจากที่ต้องมาเลี้ยงต่อจากพี่ชาย ช่วงนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก ปลาก็จะต้องหากินเอง เรียกง่ายๆ ว่า ยังไม่มีความพร้อมทำด้านนี้มากนัก พออายุปลาครบกำหนดจำหน่ายได้ก็ให้เขามาจับไปทั้งบ่อ คราวนี้เราก็เลยเริ่มที่จะมาทำด้านนี้เต็มตัว โดยเริ่มตั้งแต่เรียนรู้ด้วยตัวเอง ตั้งแต่เริ่มปล่อยลูกปลาขนาดเล็กๆ ไปเลย” คุณสมใจ เล่าถึงความเป็นมา เมื่อคิดที่จะทำสัมมาอาชีพนี้อย่างจริงจัง การศึกษาหาความรู้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ คุณสมใจ บอกว่า จึงเข
คุณเฉลิมชัย ดีแก้ว เจ้าพนักงานประมงปฏิบัติงาน สำนักงานประมงกรุงเทพมหานคร เขตพื้นที่ 2 ให้ข้อมูลว่า การทำประมงในพื้นที่เขตนี้มีการเลี้ยงปลาแบบปล่อยให้อยู่ในบ่อน้ำที่ใช้สำหรับทำการเกษตร โดยเน้นปล่อยแบบอิสระและปลาที่เลี้ยงได้ขนาดใหญ่สามารถจำหน่ายได้ เกษตรกรผู้เลี้ยงบางรายนำปลามาแปรรูปเพิ่มมูลค่า และบางรายจับแบบยกบ่อเพื่อส่งให้กับตลาดปลาแบบเน้นปริมาณมากๆ “ในพื้นที่เขตหนองจอก กรุงเทพมหานครนี่ ต้องบอกว่า เขตนี้ถือว่าปริมาณน้ำมีเพียงพอ ทั้งต่อการทำเกษตรและเลี้ยงปลา เพราะมีเขตชลประทานและคลองต่างๆ ไหลผ่าน จึงทำให้เกษตรกรที่เลี้ยงปลามีน้ำใช้ทำประมงได้อย่างไม่ขาดแคลน ซึ่งทางหน่วยงานของเราก็จะคอยส่งเสริมและดำเนินงานให้เกษตรกรทุกครัวเรือน ลงทะเบียนในเรื่องของการทำประมงอย่างปลอดภัย เพื่อให้ทุกคนได้อบรมและนำองค์ความรู้เหล่านี้ไปพัฒนาการเลี้ยงและเพิ่มมูลค่าจากการแปรรูปให้มีรายได้ที่ยั่งยืน” คุณมณีพรรณ พูลพอกสิน อยู่บ้านเลขที่ 16/1 หมู่ที่ 6 แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรที่ยึดการทำประมงในพื้นที่นี้มากว่า 20 ปี โดยนำปลาที่เลี้ยงภายในบ่อมาแปรรูปเน้นทำการตลาดขายเอง ทำให้เกิดเป็น
ราชบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางด้านตะวันตก ภูมิประเทศมีความหลากหลาย จากพื้นที่ราบต่ำลุ่มแม่น้ำแม่กลองอันอุดมสมบูรณ์ สู่พื้นที่สูงทิวเทือกเขาตะนาวศรี ทอดตัวยาวทางทิศตะวันตกจรดชายแดนไทย-พม่า นอกจากนี้ ยังถือเป็นแหล่งเพาะปลูกพืชผัก และผลไม้เศรษฐกิจนานาชนิด เรียกได้ว่ามีการทำการเกษตรที่หลากหลาย ส่วนด้านการประมงที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในจังหวัดราชบุรีคือ การเลี้ยงกุ้งทะเล กุ้งก้ามกราม และปลาสวยงาม สร้างรายได้หลักพันล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว คุณวสันต์ อินคล้าย อยู่บ้านเลขที่ 179 หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านไร่ อำเภอดำเนินสะดวก เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรในจังหวัดราชบุรี ที่เลี้ยงปลาแบบแหวกแนว โดยเลี้ยงในรูปแบบที่ไม่เน้นปลาชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่เลี้ยงในรูปแบบผสมผสานหรือเรียกง่ายๆ ว่า เลี้ยงปลารวมแบบประหยัดต้นทุน ซึ่งใน 1 บ่อ มีปลามากกว่า 2 ชนิด จากการเลี้ยงวิธีนี้ทำให้เขาประสบผลสำเร็จ เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้เขาได้เป็นอย่างดี ทดลองทำหลากหลายอาชีพสุดท้าย จบที่การเลี้ยงปลา คุณวสันต์ เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเดิมทีมีอาชีพเย็บผ้าอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เมื่อแต่งงานกับภรรยาจึงมีแนวคิดที่จะย้ายมาอยู่ที่จังหวัดราชบุรี เพร