ปลาสร้อย
หลังจากการทำงานที่เหนื่อยหนักมาครึ่งค่อนชีวิต ที่ต้องตื่นนอนตั้งแต่ตี 4 ออกจากบ้าน ต้องไม่ให้เกิน 6 โมงเช้า เพื่อที่จะฟันฝ่าการจราจรบนถนนในกรุงเทพฯ ไปให้ถึงออฟฟิศเพื่อสแกนนิ้วให้ทันเวลางาน เป็นอยู่อย่างทุกเมื่อเชื่อวัน มันเหนื่อยเนาะ ใช้ชีวิตกับออฟฟิศมานานเนิ่น เกินที่จะอธิบายความรู้สึกลึกๆ ข้างในได้ เพราะชีวิตที่ผ่านมาเกือบทั้งหมดอยู่ที่นี่ ทำงาน กิน เล่น หัวเราะ เครียดบ้าง บางครั้งก็นอน ครั้นเมื่อถึงเวลา ก็จำต้องออกมาแม้ว่าหัวใจยังผูกพัน เพราะเพื่อชีวิตที่เหลือ หลังจากนี้ชีวิตที่เหลือ ถึงจะไม่มีงานมีการทำ จำต้องระเหเร่ร่อน เลี้ยวอีสาน ขึ้นเหนือล่องใต้ ปล่อยชีวิตให้ไป ให้เป็น ตามแต่ที่มันจะเป็นไป ได้พบได้เห็นวิถีที่แตกต่างออกไป แม้ระยะเวลาสั้นสั้น ของการเริ่มต้นทางเดินของชีวิต ที่เลือกแล้ว ช่วงปลายของเดือนกันยายน เข้ารอยต่อ สู่เดือนตุลาคม ฝนฟ้าไม่อำนวยให้กับการเดินทางนัก จังหวัดหนึ่งของอีสานใต้ จึงเป็นที่พักระหว่างรอฝน สายลมจากปลายฟ้ายังคงพัดพาเมฆฝนหม่นดำ ปกคลุมท้องฟ้าให้ครึ้มไปทั่วบริเวณ ไม่นานสายน้ำ จากเมฆดำก็หลั่งลงมาพรั่งพรู จนน้ำเจิ่งนองหลามไหลเป็นทางน้ำลงสู่นาและลำคลองบึง น้อยให