ปลูกขิง
สวัสดีครับ สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน พบกันเป็นประจำในคอลัมน์ “คิดใหญ่แบบรายย่อย The challenge of smallscale farmers” กับผม ธนากร เที่ยงน้อย “อย่ามาขิง?!?” เสียงลูกชายกำลังจะเข้าวัยรุ่นคุยกับเพื่อน ผมก็งงว่า ขิง ที่วัยรุ่นชอบพูดแปลว่าอะไร สงสัยจนต้องไปหาความหมายกันในอากู๋ Google อืม อย่ามาขิง ของวัยรุ่นแปลว่า อย่ามาอวด โอย เข้าใจยากซะจริงคนรุ่นใหม่ๆ เปิดด้วยขิงฉบับนี้จึงขอพาท่านไปเยี่ยมเยียนพี่น้องเกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกขิงไกลถึงเขาค้อ เพชรบูรณ์ ไปดู “ขิง” ที่มีกระแสเสียงเล่าเสียงลือว่าช่วยต้านโควิด-19 ที่กำลังระบาดคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกและโควิด-19 ก็อาจจะคร่าลมหายใจของรัฐบาลมือไม่ถึงในหลายประเทศทั่วโลกลงไปด้วย แต่เอที่เขาค้อหลายคนบอกว่านอนที่นี่ 1 คืนจะอายุยืนไปอีก 1 ปี ผมขับรถผ่านไปผ่านมาหลายเที่ยวหลายคืนสงสัยจะอายุยืนถึง 120 ปี (ฮา) เกริ่นมายาวเหยียดตั้งใจจะพาท่านไปชมขิงจริงๆ ครับ ขิงมากสรรพคุณ ผมลองค้นๆ ดูก็พบว่า ขิงนั้นมีสรรพคุณทางยามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ช่วยขับเหงื่อ ไล่ความเย็น ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยให้เจริญอาหาร และทำให้ร่างกายอบอุ่น ในทางยานิยมใช้ขิงแก่ เพราะขิงยิ่งแก่จะยิ่งเผ็ดร
ระยะที่มีอากาศร้อนและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ช่วงนี้ กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกขิงให้เฝ้าระวังโรคเหี่ยว ที่สามารถพบได้ในทุกระยะการเจริญเติบโตของต้นขิง อาการเริ่มแรกใบแสดงอาการม้วนห่อ สีของใบซีด ต่อมาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและแห้ง บริเวณโคนต้นมีอาการฉ่ำน้ำ ลำต้นเน่าหลุดออกจากเหง้าได้ง่าย หักพับ แต่ไม่มีกลิ่นเหม็น หากตรวจดูที่ลำต้นจะพบส่วนของท่อลำเลียงน้ำและอาหารมีสีน้ำตาลเข้ม เมื่อผ่าลำต้นตัดตามขวางและนำมาแช่ในน้ำสะอาดประมาณ 5-10 นาที จะพบของเหลวสีขาวคล้ายน้ำนมไหลออกมา เกษตรกรควรหมั่นตรวจและกำจัดวัชพืชในแปลงและรอบแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบต้นขิงที่เริ่มแสดงอาการของโรคเหี่ยว ให้ขุดต้นที่เป็นโรคนำไปทำลายนอกแปลงปลูกทันที เพื่อลดแหล่งสะสมเชื้อสาเหตุโรค จากนั้นให้โรยด้วยปูนขาวบริเวณหลุมที่ขุด เพื่อป้องกันการระบาดของโรค และควรทำความสะอาดอุปกรณ์การเกษตรที่ใช้กับต้นที่เป็นโรคก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ทุกครั้ง ส่วนในแปลงที่มีการระบาดของโรค หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ให้เกษตรกรเก็บส่วนต่างๆ ของพืชที่เป็นโรคนำไปทำลายทิ้งนอกแปลงปลูกทันที สำหรับการป้องกันกำจัดโรคเหี่ยวในฤดูปลูกถัดไป เกษตรกรควรเลือกพื้นท
“เขาค้อ” เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่หนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ เนื่องจากมีความหลากหลายทางชีวภาพ พันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์แล้ว ที่นี่ยังเป็นทำเลทองของการเพาะปลูกพืชผักไม้ผลนานาชนิด รวมทั้ง “ขิง” พืชสมุนไพรทำเงิน ที่สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวอำเภอเขาค้อมาอย่างยาวนาน ขิง พืชทำเงิน ตำบลเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นชุมชนชาวเขาเผ่าม้งปลูกขิงอย่างแพร่หลายกว่า 30 ปี นอกจากปลูกขิงขายสร้างรายได้แล้ว ยังนิยมบริโภคขิงบำรุงสุขภาพอีกด้วย เนื่องจากขิงเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามากมาย ช่วยขับเหงื่อ ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยให้เจริญอาหาร และทำให้ร่างกายอบอุ่น หากนำขิงแก่มาต้มน้ำดื่มยิ่งได้ประโยชน์ เพราะขิงแก่มีรสเผ็ดร้อนและมีใยอาหารมาก ใช้ดื่มบำรุงสุขภาพ บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะจากโรคไข้หวัดได้อย่างดี การปลูกขิงให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี เกษตรกรต้องพิถีพิถันในการปลูกดูแล เริ่มจากการคัดเลือกพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม เนื่องจากขิงเป็นพืชที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคพืชและไม่ทนต่อสภาพน้ำขัง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ขิงเน่าเสียได้ง่าย เกษตรกรส่วนใหญ
จากสภาพอากาศร้อนและมีฝนตกในบางพื้นที่ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรผู้ปลูกขิงให้เฝ้าระวังโรคเหง้าเน่า ที่สามารถพบได้ในระยะที่มีการเจริญเติบโตทางต้น อาการเริ่มแรกใบจะเหี่ยวม้วนเป็นหลอดสีเหลือง และจะลุกลามจากส่วนล่างขึ้นไปยังส่วนปลายยอดจนแห้งตายทั้งต้น บริเวณโคนต้นและหน่อที่แตกออกมาใหม่มีลักษณะฉ่ำน้ำสีน้ำตาลเข้มถึงดำ เมื่อผ่าลำต้นตามขวางจะพบเมือกแบคทีเรียไหลซึมออกมาเป็นสีขาวขุ่น ลำต้นเน่า และหลุดออกจากเหง้าได้ง่าย อาการบนเหง้ามีลักษณะฉ่ำน้ำสีคล้ำ ต่อมาเหง้าจะเน่าในที่สุด เกษตรกรควรหมั่นตรวจและกำจัดวัชพืชในแปลงและรอบแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบต้นขิงที่เริ่มแสดงอาการของโรคเหง้าเน่า ให้ขุดต้นไปเผาทำลายนอกแปลงปลูกทันที เพื่อลดแหล่งสะสมเชื้อสาเหตุโรค จากนั้น ให้โรยด้วยปูนขาวบริเวณหลุมที่ขุด เพื่อป้องกันการระบาดของโรค และควรทำความสะอาดอุปกรณ์การเกษตรที่ใช้กับต้นที่เป็นโรคก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ สำหรับในแปลงที่มีการระบาดของโรค หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ให้เกษตรกรเก็บส่วนต่างๆ ของพืชที่เป็นโรคนำไปเผาทำลายทิ้งนอกแปลงปลูกทันที การป้องกันกำจัดโรคเหง้าเน่าในฤดูปลูกถัดไป เกษตรกรควรเลือกพื้นที่ในการปลูกท