ปัญหาลำไย
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 1 ก.พ. 2561 นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ สอบถามนายสมิท ธรรมเชื้อ อัคราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายการเกษตร) สำนักงานที่ปรึกษาเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ผ่านเว็บคอนเฟอร์เรน (Web Conferrence) ถึงกรณีที่มีข่าวว่าอินโดนีเซียมีข้อกีดกันทางการค้าต่อผลไม้ที่ส่งเข้าอินโดนีเซียจริงเท็จประการใด โดยนายสมิท กล่าวว่า เมื่อปลายเดือนธ.ค. 2560 รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกประกาศห้ามนำเข้าพืชสวน ที่ส่งผลกระทบกับลำไยของประเทศไทยโดยตรง เพราะกฏหมายนี้กำหนดขึ้นตามนโยบายของประธานาธิบดี และสร้างความกังวลให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะกฏหมายดังกล่าวห้ามนำเข้าลำไยในช่วงเดือนส.ค. และ ก.ค. ปี 2561 ซึ่งเป็นเดือนที่ลำไยไทยออกสู่คตลาดมากที่สุด ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่อินโดนีเซีย ออกกฏหมายกีดกันทางการค้ากับไทย เพราะก่อนหน้านี้ลำไยไทยสามารถส่งเข้าไปขายในอินโดนีเซียได้ตลอดปี “กฏหมายระงับการนำเข้าลำไยในเดือนส.ค.-ก.ค. ถือว่ากระทบกับผลผลิตลำไยไทยเป็นอย่างมาก ทางทูตเกษตรจึงประสานไปยังกระทรวงการค้าของอินโดนีเซีย และได้หารือเบื้องต้นว่า กฏเกณฑ์การไม่ให้นำเข้าลำไยไทย ในเวลาดังกล่า
ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรจันทบุรี ปี 2560 ประมาณการผลผลิตลำไย จำนวน 328,458 ตัน เพิ่มขึ้น 32,183 ตัน จากปี 2559 มีจำนวน 296,275 ตัน หรือประมาณ 10% แต่ภาคเกษตรกรประมาณว่าน่าจะเพิ่มถึง 25% หากรวมเกษตรกรที่ไม่ได้จดทะเบียนด้วย ทำให้ปีนี้ลำไยมีวิกฤตกาลเรื่องตลาดและราคาให้เห็นเช่นเดียวกับ ผลไม้ ทุเรียน มังคุด ที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน ที่ปริมาณลำไยมากถึง 70% ออกสู่ตลาด จึงทำให้เกิดปัญหาตลาดตัน ราคาลำไยตกต่ำ ขณะเดียวกันเกษตรกรเห็นว่ามีปรากฏการณ์ใหม่ “ปัญหาการส่งลำไยร่วงออกตลาดต่างประเทศ” โดยซื้อลำไยลูกร่วง ราคาต่ำ เพื่อแข่งขันตีตลาดลำไยคุณภาพ ซึ่งเป็นการทำลายกลไกตลาด ทำให้ลำไยคุณภาพราคาตกต่ำหรือตลาดตัน หรือถูกลดราคาเป็นลำไยลูกร่วง และในอนาคตตลาดจีนอาจจะไม่ซื้อลำไยจากไทย เพราะเห็นว่าลำไยลูกร่วงไม่มีคุณภาพ จึงควรหาทางออกเร่งด่วนหยุดการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ รวมกลุ่มเกษตรกรสวนลำไย หาทางออก จากปัญหาลำไยลูกร่วง ส่งออกตลาดต่างประเทศมีผลกระทบเป็นวงจรลงสู่เกษตรกรนี้เอง เมื่อ วันที่ 4 ธันวาคมนี้ ที่หอประชุมโรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ได้มีการจัดประชุมกลุ่ม
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่กรมราชทัณฑ์ นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีกระทรวงพาณิชย์ ได้ประสานงานขอความร่วมมือกรมราชทัณฑ์ให้ช่วยรับซื้อผลผลิตลำไย ว่าในวันนี้ทางกรมราชทัณฑ์ได้เสนอเรื่องไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ทางสำนักนายกรัฐมนตี เสนอคณะรัฐมนตรีให้มีมติยกเว้น ระเบียบพัสดุในการแบ่งจ่ายเงิน เพราะกรมราชทัณฑ์ติดปัญหาในเรื่องข้อระเบียบในการจัดซื้อและการแบ่งจ่ายเงินส่วนนี้ โดยทางกรมราชทัณฑ์ มีเงินค่าขนมนักโทษในเรือนจำ ประมาณ 1.50 สต. จึงนำเงินส่วนนี้มาซื้อลำไย ให้นักโทษได้กินแทนขนมหวาน โดยกระทรวงพาณิชย์จะเป็นหน่วยงานคอยรวบรวมลำไยจากเกษตรมาขายให้เรือนจำ จากนั้นก็นำเงินไปจ่ายให้เกษตรกร เพราะกรมราชทัณฑ์รับซื้อตรงไม่ได้ ผิดระเบียบขั้นตอนของกรมบัญชีกลาง คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า หาก ครม.มีมติก็สามารถจัดซื้อลำไยได้ทันที “ตอนนี้คิดเฉลี่ยคร่าวๆ ซื้อลำไยในกิโลละ 6 บาท ซึ่งเป็นลำไยล่วงที่ไม่ได้ส่งออก นักโทษจะได้กินลำไยเฉลี่ยคนละ 2 ขีดครึ่ง ดังนั้นดูแล้วก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร คงไม่ทำให้เป็นอะไร แต่ถ้ายังคงมีปริมาณลำไยในตลาดเยอะ กรมราชทัณฑ์ก็สามารถสั่งซื้อได้ ส่งไปให้เรือนจำทั่วประ