ปุ๋ยขี้หมู
ท่ามกลางวิกฤตปุ๋ยแพงและปริมาณทุเรียนที่เพิ่มปริมาณมากขึ้น การแข่งขันจะมีผลต่อราคาที่ปรับลง ขณะที่เกษตรกรต้องแบกภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 2-3 เท่าตั้งแต่ปลายปี 2564 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน และยังไม่แน่ใจในอนาคตว่าจะมีการปรับราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ บรรดาเกษตรกรได้หาทางออกเพื่อลดต้นทุนการผลิตจากการพึ่งพาปุ๋ยเคมี 100% แม้แต่เกษตรกรรายใหญ่ได้กลับมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากภูมิปัญญาดั้งเดิมผสมผสานกับปุ๋ยเคมี และพบว่าได้ผลผลิตมีคุณภาพ ดีกว่าใช้ปุ๋ยเคมี 100% และลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ถึง 50% คุณวุฒิพงศ์ รัตนมณฑ์ เกษตรกรเจ้าของสวนผลไม้ ที่อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด มีประสบการณ์การทำสวนมามากกว่า 30 ปี และหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีได้ผลมาร่วม 10 ปี พร้อมที่จะเป็นต้นแบบขยายผลให้เกษตรกรทั่วไป ประสบการณ์ทำสวนกว่า 30 ปี คุณวุฒิพงศ์ รัตนมณฑ์ จบปริญญาตรี สาขาพืชสวน จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อปี 2522 สร้างสมประสบการณ์เรื่อยมาทั้งสวนส้ม สวนปาล์ม ยางพารา และมาถึงปัจจุบันทำสวนทุเรียน เงาะ มังคุด ประมาณ 300-400 ไร่ ที่จังหวัดตราด ส่วนใหญ่เป็นทุเรียน ที่ผ่านมาเคยนั่งตำแหน่งประธานหอการค้าจังหว
ทุกวันนี้ สินค้าเกษตรหลายชนิดขายได้ราคาถูก สวนทางกับ ปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพง หากใครมองหาช่องทางลดต้นทุนการผลิต ขอแนะนำให้ลองใช้ปุ๋ยมูลสุกร เพราะหาง่าย แถมมีธาตุอาหารพืชที่จำเป็นครบทั้ง 13 ชนิด (ได้แก่ N, P, K, Ca, Mg, S, Fe, Mn, Cu, Zn, B, Mo, และ Cl) ที่พืชต้องการ ที่ผ่านมา เกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หันมาใช้ปุ๋ยขี้หมูไปใส่ในแปลงนาปรังที่ปลูกข้าวหอมมะลิ ปรากฏว่าได้ผลผลิตสูงกว่าเดิมอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากต้นข้าวได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นครบถ้วน ทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตดี ลำต้นแข็งแรง และให้ผลผลิตไม่แตกต่างจากข้าวที่ปลูกในจังหวัดภาคกลาง เช่น นครปฐม และสุพรรณบุรี เกษตรกรบางรายนำน้ำจากบ่อมูลสุกรสูบขึ้นมาใส่ในนาข้าวอายุ 1-2 เดือน ประมาณ 100 ลิตร ต่อไร่ ผลที่ได้คือ ต้นข้าวแข็งแรงและมีใบสีเขียวจัด คาดว่ามีคลอโรฟิลล์มาก ต้นข้าวไม่ล้มง่าย ใบหนา ไม่มีแมลงรบกวน (ไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลง) รวงใหญ่และเหนียว เมล็ดข้าวมีความสมบูรณ์สูง น้ำหนักดี มีเปอร์เซ็นต์ข้าวหักน้อยมากเมื่อนำไปสีเป็นข้าวเจ้า นับว่าเป็นข้าวอินทรีย์ที่สมบูรณ์มาก ส่วนแปลงนาที่ต้นข้าวโตไม่ทันกัน เมื่อฉีดพ่นน้ำมูลสุกรในแปลงนา ก็ช่วยให้
ทุกวันนี้ สินค้าเกษตรหลายชนิดขายได้ราคาถูก สวนทางกับ ปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพง หากใครมองหาช่องทางลดต้นทุนการผลิต ขอแนะนำให้ลองใช้ปุ๋ยมูลสุกร เพราะหาง่าย แถมมีธาตุอาหารพืชที่จำเป็นครบทั้ง 13 ชนิด (ได้แก่ N, P, K, Ca, Mg, S, Fe, Mn, Cu, Zn, B, Mo, และ Cl) ที่พืชต้องการ ที่ผ่านมา เกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หันมาใช้ปุ๋ยขี้หมูไปใส่ในแปลงนาปรังที่ปลูกข้าวหอมมะลิ ปรากฏว่าได้ผลผลิตสูงกว่าเดิมอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากต้นข้าวได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นครบถ้วน ทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตดี ลำต้นแข็งแรง และให้ผลผลิตไม่แตกต่างจากข้าวที่ปลูกในจังหวัดภาคกลาง เช่น นครปฐม และสุพรรณบุรี เกษตรกรบางรายนำน้ำจากบ่อมูลสุกรสูบขึ้นมาใส่ในนาข้าวอายุ 1-2 เดือน ประมาณ 100 ลิตร ต่อไร่ ผลที่ได้คือ ต้นข้าวแข็งแรงและมีใบสีเขียวจัด คาดว่ามีคลอโรฟิลล์มาก ต้นข้าวไม่ล้มง่าย ใบหนา ไม่มีแมลงรบกวน (ไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลง) รวงใหญ่และเหนียว เมล็ดข้าวมีความสมบูรณ์สูง น้ำหนักดี มีเปอร์เซ็นต์ข้าวหักน้อยมากเมื่อนำไปสีเป็นข้าวเจ้า นับว่าเป็นข้าวอินทรีย์ที่สมบูรณ์มาก ส่วนแปลงนาที่ต้นข้าวโตไม่ทันกัน เมื่อฉีดพ่นน้ำมูลสุกรในแปลงนา ก็
ทุกวันนี้ สินค้าเกษตรหลายชนิดขายได้ราคาถูก สวนทางกับ ปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพง หากใครมองหาช่องทางลดต้นทุนการผลิต ขอแนะนำให้ลองใช้ปุ๋ยมูลสุกร เพราะหาง่าย แถมมีธาตุอาหารพืชที่จำเป็นครบทั้ง 13 ชนิด (ได้แก่ N, P, K, Ca, Mg, S, Fe, Mn, Cu, Zn, B, Mo, และ Cl) ที่พืชต้องการ ที่ผ่านมา เกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หันมาใช้ปุ๋ยขี้หมูไปใส่ในแปลงนาปรังที่ปลูกข้าวหอมมะลิ ปรากฏว่าได้ผลผลิตสูงกว่าเดิมอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากต้นข้าวได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นครบถ้วน ทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตดี ลำต้นแข็งแรง และให้ผลผลิตไม่แตกต่างจากข้าวที่ปลูกในจังหวัดภาคกลาง เช่น นครปฐม และสุพรรณบุรี เกษตรกรบางรายนำน้ำจากบ่อมูลสุกรสูบขึ้นมาใส่ในนาข้าวอายุ 1-2 เดือน ประมาณ 100 ลิตร ต่อไร่ ผลที่ได้คือ ต้นข้าวแข็งแรงและมีใบสีเขียวจัด คาดว่ามีคลอโรฟิลล์มาก ต้นข้าวไม่ล้มง่าย ใบหนา ไม่มีแมลงรบกวน (ไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลง) รวงใหญ่และเหนียว เมล็ดข้าวมีความสมบูรณ์สูง น้ำหนักดี มีเปอร์เซ็นต์ข้าวหักน้อยมากเมื่อนำไปสีเป็นข้าวเจ้า นับว่าเป็นข้าวอินทรีย์ที่สมบูรณ์มาก ส่วนแปลงนาที่ต้นข้าวโตไม่ทันกัน เมื่อฉีดพ่นน้ำมูลสุกรในแปลงนา ก็