ผักกาด
ในช่วงที่มีฝนกระหน่ำ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ มีฝนตกหนักบางแห่ง และมีความชื้นในอากาศสูง กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกผักตระกูลกะหล่ำและผักกาด อาทิ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บร็อกโคลี่ คะน้า ผักกาดขาว ผักกาดหอม และกวางตุ้ง ให้เตรียมรับมือการระบาดของโรคเน่าเละ ที่สามารถพบได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของพืช สำหรับโรคเน่าเละจะแสดงอาการเริ่มแรกพบบนใบหรือบริเวณลำต้นมีแผล เป็นจุดฉ่ำน้ำเล็กๆ ต่อมาแผลจะขยายลุกลามเป็นสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลไหม้ ส่วนเนื้อเยื่อพืชบริเวณแผลจะยุบตัวลง และจะมีเมือกกลิ่นเหม็นฉุนเยิ้มออกมาภายนอก จากนั้นต้นพืชจะเน่ายุบตายไปทั้งต้น โรคเน่าเละจะพบระบาดมากในช่วงฤดูฝน ซึ่งแบคทีเรียจะสามารถเข้าทำลายได้ทุกส่วนของพืชทั้งในสภาพไร่และในโรงเก็บ สำหรับแนวทางในการป้องกันและแก้ไข หากเริ่มพบอาการของโรคเน่าเละในแปลงปลูก ให้เกษตรกรรีบขุดต้นพืชที่เป็นโรค และเก็บเศษซากพืชส่วนที่เป็นโรคออกจากแปลงไปเผาทำลายนอกแปลงปลูกทันที หลีกเลี่ยงการทำให้ส่วนต่างๆ ของพืชเกิดแผล ซึ่งแผลจะเป็นช่องทางให้เชื้อสาเหตุของโรคเข้าทำลายพืชได้ง่าย อีกทั้งเกษตรกรควรล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ทาง
ในช่วงที่มีฝนตกและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรผู้ปลูกผักตระกูลกะหล่ำและผักกาด อาทิ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บร็อกโคลี่ ผักกาดขาว และผักกาดหัว ให้เตรียมรับมือการระบาดของโรคเน่าเละ สามารถพบได้ในทุกระยะการเจริญเติบโตของพืช อาการเริ่มแรกจะพบบนใบหรือบริเวณลำต้น มีแผลเป็นจุดฉ่ำน้ำเล็กๆ ต่อมาแผลจะขยายลุกลามเป็นสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลเข้ม ส่วนเนื้อเยื่อบริเวณแผลจะยุบตัวลงและจะมีเมือกกลิ่นเหม็นฉุนเยิ้มออกมาภายนอก จากนั้นต้นพืชจะเน่ายุบตายไปทั้งต้น โรคเน่าเละจะพบการระบาดมากในช่วงฤดูฝน เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สาเหตุโรคสามารถเข้าทำลายได้ทุกส่วนของพืชทั้งในสภาพแปลงปลูกและในโรงเก็บ สำหรับแนวทางในการป้องกันและแก้ไข เกษตรกรควรหมั่นสำรวจตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากเริ่มพบอาการของโรคเน่าเละในแปลงปลูก ให้รีบขุดต้นที่เป็นโรคและเก็บเศษซากพืชส่วนที่เป็นโรคออกจากแปลงนำไปทำลายนอกแปลงปลูกทันที หลีกเลี่ยงการทำให้ส่วนต่างๆ ของพืชเกิดแผล ซึ่งแผลจะเป็นช่องทางให้เชื้อสาเหตุโรคเข้าทำลายพืชได้ง่าย รวมถึงควรดูแลไม่ให้พืชขาดธาตุแคลเซียมและโบรอน เพราะจะทำให้พืชเกิดแผลจากอาการปลายใบไหม้และไส้กลวง ทำให้เชื้อสาเห
ผักกาดขิ่ว ผักกาดขม กลิ่นรสวาซาบิ ในบรรดาพืชตระกูลผักกาดทั้งหลาย เห็นจะมีผักกาดชนิดนี้ ที่มีความแปลก ดูเหมือนว่าจะเป็นผักกาดไทยแท้แต่เก่าก่อน หรืออาจจะมีปะปนผสมพันธุ์กับผักกาดสัญชาติจีนบ้าง เราเรียกเขาว่า “ผักกาดขิ่ว” แต่ก็มีหลายชื่อเรียก เล่าให้กันฟัง ก็ลองไล่ลำดับดูก็แล้วกัน ว่าในท้องถิ่นของท่านเรียกชื่อว่าอะไร พยายามค้นหา คำว่า “ขิ่ว” ในหลายๆ แหล่ง ไม่พบความหมายที่ชัดเจนนัก คงเป็นเพราะว่า ขิ่ว เป็นคำที่ใช้เป็นภาษาท้องถิ่นทางภาคเหนือถึงชาวลาวบางแห่ง มีความหมายพอจะขยายความได้ว่า “ฉุนกึก” และ “ขื่นซ่าซ่าน” เมื่อสัมผัส มีกลิ่น และรสชาติเหมือนวาซาบิ หรือมัสตาร์ด กัดเคี้ยวสดๆ ฉุน เสียดแทงขึ้นจมูก ไล่หวัด น้ำมูกไหลออกมาได้ ผักกาดชนิดนี้มักปลูกกันตอนปลายฝน เก็บกินได้ช่วงเข้าหนาว คือช่วงที่เกษตรกรลงแขกเกี่ยวข้าว แกงผักกาดขิ่วใส่ไก่บ้าน อาหารเลี้ยงแขกสุดฮิต ในแต่ละท้องที่มีสูตรแกงต่างกัน แต่มีรสชาติเฉพาะตัว คือต้องรักษากลิ่น และรสชาติของผักกาดชนิดนี้ไว้ให้ได้ แม้จะนำส่วนผสมอย่างอื่นเข้าประกอบแกงก็ตาม แกงผักกาด แบบลูกทุ่งทางเหนือ จะมีผักอื่นร่วมหม้อด้วย เช่น ผักขี้หูด ผักชีลาว หรือผักจี หรือผ
ช่วงนี้ในตอนกลางคืนจะมีอากาศเย็นอุณหภูมิลดต่ำลง และในตอนกลางวันมีแดดแรง กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกพืชผักตระกูลกะหล่ำและผักกาด อาทิ กวางตุ้ง กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก คะน้า ผักกาดขาว ผักกาดหอม และบรอกโคลี่ ให้เตรียมรับมือการระบาดของโรคราน้ำค้าง ที่สามารถพบได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของพืช ระยะต้นกล้า ใบเลี้ยงจะเกิดจุดแผลสีน้ำตาล ทำให้ลำต้นเน่าหรือแคระแกร็น ระยะต้นโต จะพบอาการเริ่มแรกบริเวณด้านบนใบเป็นจุดแผลสีเหลือง หรืออาจเป็นปื้นสีเหลือง กรณีสภาพอากาศชื้นในตอนเช้า ถ้าพลิกดูด้านใต้ใบมักจะพบเส้นใยเชื้อราสีขาวหรือเทาคล้ายปุยฝ้าย หากพบโรคระบาดรุนแรง แผลจะลามมีขยายใหญ่ ทำให้เนื้อใบเป็นสีน้ำตาลและแห้งตาย ส่วนในกะหล่ำดอกและบรอกโคลี ถ้าพบเชื้อราเข้าทำลายรุนแรง ก้านดอกจะยืดและดอกอาจจะบิดเบี้ยวเสียรูปทรงได้ เกษตรกรควรเลือกใช้เมล็ดพันธุ์สะอาดที่มีคุณภาพดีจากแหล่งปลอดโรค และก่อนปลูกควรแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่น อุณหภูมิประมาณ 50 องศาเซลเซียส (ต้มน้ำจนเดือดแล้วเติมน้ำอุณหภูมิปกติลงไปผสม อีก 1 เท่า) นาน 20-30 นาที หรือคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชเมทาแลกซิล 35% ดีเอส อัตรา 10 กรัม ต่อเมล็ดพั
ในช่วงที่มีฝนกระหน่ำ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ มีฝนตกหนักบางแห่ง และมีความชื้นในอากาศสูง กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกผักตระกูลกะหล่ำและผักกาด อาทิ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี คะน้า ผักกาดขาว ผักกาดหอม และกวางตุ้ง ให้เตรียมรับมือการระบาดของโรคเน่าเละ ที่สามารถพบได้ทุกระยะการเจริญเติบโตของพืช สำหรับโรคเน่าเละจะแสดงอาการเริ่มแรกพบบนใบหรือบริเวณลำต้นมีแผล เป็นจุดฉ่ำน้ำเล็กๆ ต่อมาแผลจะขยายลุกลามเป็นสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลไหม้ ส่วนเนื้อเยื่อพืชบริเวณแผลจะยุบตัวลง และจะมีเมือกกลิ่นเหม็นฉุนเยิ้มออกมาภายนอก จากนั้นต้นพืชจะเน่ายุบตายไปทั้งต้น โรคเน่าเละจะพบระบาดมากในช่วงฤดูฝน ซึ่งแบคทีเรียจะสามารถเข้าทำลายได้ทุกส่วนของพืชทั้งในสภาพไร่และในโรงเก็บ สำหรับแนวทางในการป้องกันและแก้ไข หากเริ่มพบอาการของโรคเน่าเละในแปลงปลูก ให้เกษตรกรรีบขุดต้นพืชที่เป็นโรค และเก็บเศษซากพืชส่วนที่เป็นโรคออกจากแปลงไปเผาทำลายนอกแปลงปลูกทันที หลีกเลี่ยงการทำให้ส่วนต่างๆ ของพืชเกิดแผล ซึ่งแผลจะเป็นช่องทางให้เชื้อสาเหตุของโรคเข้าทำลายพืชได้ง่าย อีกทั้งเกษตรกรควรล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ทางกา
ปีนี้ไปทางไหนคนก็บ่นเรื่องความแห้งแล้ง ความไม่ปกติของธรรมชาติทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกปี เกษตรกรที่อาศัยธรรมชาติ จำเป็นต้องปรับตัวและเตรียมการรับมือไว้ เพื่อสู้กับความแห้งแล้งนี้ ช่วงวันอาทิตย์ก่อนปั่นจักรยานผ่านไปทางตำบลแม่นาเรือ อำเภอเมืองพะเยา เห็นเกษตรกร สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังมัดผักกาดอยู่ที่แปลงผัก เลยลงไปพูดคุยด้วย ทราบชื่อว่า คุณเจริญ ปัญญาชื่น อยู่บ้านเลขที่ 349 หมู่ที่ 18 ตำบลแม่นาเรือ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ด้วยวัย 55 ปี มีลูก 2 คน คนโตเรียนจบแล้ว ทำงานเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช คนสุดท้องเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนฟากกว๊านวิทยาคม ตั้งอยู่ตำบลติดกัน ถามว่าลูกชายมาช่วยงานบ้างหรือเปล่า คุณเจริญ ส่ายหน้า บอกว่าไม่เหมือนสมัยลูกสาวเรียน เดี๋ยวนี้ลูกชายมีแต่กิจกรรมของโรงเรียน วันหยุดก็ต้องเรียนพิเศษ ก็อาศัย 2 แรง สามีภรรยา หากวันไหนที่ต้องเก็บผักชีซึ่งต้องใช้แรงงานมาก ก็ต้องจ้างแรงงานเพื่อนบ้านมาช่วย คุณเจริญ เล่าว่า ที่ดินที่ปลูกผักเป็นมรดกที่คุณพ่อมอบให้ จำนวน 2 ไร่ 2 งาน สันนิษฐานว่า บริเวณนี้น่าจะเป็นชุมชน ดึกดำบรรพ์ หลายพันปีมาแล้ว เป็นแนวทางน้ำเพราะ