ผักกาดขิ่ว
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป ความเป็นอยู่ของมนุษย์เราก็แปรเปลี่ยนตาม บางอย่างเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น แต่บางอย่างกลับเปลี่ยนไปในทางเลวลง อาหารของมนุษย์ก็เช่นกัน เปลี่ยนรูป เปลี่ยนรส เปลี่ยนกลิ่น เปลี่ยนวิธีการปรุงแต่ง เปลี่ยนวิธีการกิน ไม่เว้นแม้กระทั่งวัตถุดิบที่นำมาใช้ประกอบอาหาร สังคมเปลี่ยนไป อาหารเปลี่ยนแปลง วัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหาร เปลี่ยนรูปโฉมจากของพื้นๆ พืชผัก เนื้อ นม ไข่ ไก่ ปลา เปลี่ยนรูปไปแล้วหลายอย่าง เรียกกันว่าอาหารแปรรูป แปลงรูป สำเร็จรูป อะไรทำนองนั้น ซึ่งเป็นคนละอย่างกับการแปรรูปถนอมอาหาร เพื่อเอาไว้กินนานๆ ในฤดูกาลที่ไม่มีของสด ซึ่งอาหารแปลงรูปในทุกวันนี้ ถ้าไม่มีสลากระบุวัตถุตั้งต้นและสิ่งปรุงแต่ง จะไม่รู้เลยว่า อาหารที่จะกิน ทำมาจากอะไร เป็นเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ จากวัตถุดิบประเภทพืชผักที่นำมาประกอบอาหาร แปรรูปอาหาร และถนอมอาหาร มีมากมายหลายชนิด ที่มนุษย์เรารู้จักเอามากินเป็นอาหาร ผักที่นำมาใช้เป็นอาหารยอดนิยม เห็นจะเป็นผักตระกูล “ผักกาด” ซึ่งมีอยู่มากหลายชนิด ในประเทศไทยเราก็หลายอย่าง ผักกาดเขียวใหญ่ ผักกาดเขียวปลี ผักกาดขาว ผักกาดขาวปลี ผักกาดกวางตุ้ง
ผักกาดขิ่ว ผักกาดขม กลิ่นรสวาซาบิ ในบรรดาพืชตระกูลผักกาดทั้งหลาย เห็นจะมีผักกาดชนิดนี้ ที่มีความแปลก ดูเหมือนว่าจะเป็นผักกาดไทยแท้แต่เก่าก่อน หรืออาจจะมีปะปนผสมพันธุ์กับผักกาดสัญชาติจีนบ้าง เราเรียกเขาว่า “ผักกาดขิ่ว” แต่ก็มีหลายชื่อเรียก เล่าให้กันฟัง ก็ลองไล่ลำดับดูก็แล้วกัน ว่าในท้องถิ่นของท่านเรียกชื่อว่าอะไร พยายามค้นหา คำว่า “ขิ่ว” ในหลายๆ แหล่ง ไม่พบความหมายที่ชัดเจนนัก คงเป็นเพราะว่า ขิ่ว เป็นคำที่ใช้เป็นภาษาท้องถิ่นทางภาคเหนือถึงชาวลาวบางแห่ง มีความหมายพอจะขยายความได้ว่า “ฉุนกึก” และ “ขื่นซ่าซ่าน” เมื่อสัมผัส มีกลิ่น และรสชาติเหมือนวาซาบิ หรือมัสตาร์ด กัดเคี้ยวสดๆ ฉุน เสียดแทงขึ้นจมูก ไล่หวัด น้ำมูกไหลออกมาได้ ผักกาดชนิดนี้มักปลูกกันตอนปลายฝน เก็บกินได้ช่วงเข้าหนาว คือช่วงที่เกษตรกรลงแขกเกี่ยวข้าว แกงผักกาดขิ่วใส่ไก่บ้าน อาหารเลี้ยงแขกสุดฮิต ในแต่ละท้องที่มีสูตรแกงต่างกัน แต่มีรสชาติเฉพาะตัว คือต้องรักษากลิ่น และรสชาติของผักกาดชนิดนี้ไว้ให้ได้ แม้จะนำส่วนผสมอย่างอื่นเข้าประกอบแกงก็ตาม แกงผักกาด แบบลูกทุ่งทางเหนือ จะมีผักอื่นร่วมหม้อด้วย เช่น ผักขี้หูด ผักชีลาว หรือผักจี หรือผ
ผักกาดขิ่ว ผักกาดขม กลิ่นรสวาซาบิ ในบรรดาพืชตระกูลผักกาดทั้งหลาย เห็นจะมีผักกาดชนิดนี้ ที่มีความแปลก ดูเหมือนว่าจะเป็นผักกาดไทยแท้แต่เก่าก่อน หรืออาจจะมีปะปนผสมพันธุ์กับผักกาดสัญชาติจีนบ้าง เราเรียกเขาว่า “ผักกาดขิ่ว” แต่ก็มีหลายชื่อเรียก เล่าให้กันฟัง ก็ลองไล่ลำดับดูก็แล้วกัน ว่าในท้องถิ่นของท่านเรียกชื่อว่าอะไร พยายามค้นหา คำว่า “ขิ่ว” ในหลายๆ แหล่ง ไม่พบความหมายที่ชัดเจนนัก คงเป็นเพราะว่า ขิ่ว เป็นคำที่ใช้เป็นภาษาท้องถิ่นทางภาคเหนือถึงชาวลาวบางแห่ง มีความหมายพอจะขยายความได้ว่า “ฉุนกึก” และ “ขื่นซ่าซ่าน” เมื่อสัมผัส มีกลิ่น และรสชาติเหมือนวาซาบิ หรือมัสตาร์ด กัดเคี้ยวสดๆ ฉุน เสียดแทงขึ้นจมูก ไล่หวัด น้ำมูกไหลออกมาได้ ผักกาดชนิดนี้มักปลูกกันตอนปลายฝน เก็บกินได้ช่วงเข้าหนาว คือช่วงที่เกษตรกรลงแขกเกี่ยวข้าว แกงผักกาดขิ่วใส่ไก่บ้าน อาหารเลี้ยงแขกสุดฮิต ในแต่ละท้องที่มีสูตรแกงต่างกัน แต่มีรสชาติเฉพาะตัว คือต้องรักษากลิ่น และรสชาติของผักกาดชนิดนี้ไว้ให้ได้ แม้จะนำส่วนผสมอย่างอื่นเข้าประกอบแกงก็ตาม แกงผักกาด แบบลูกทุ่งทางเหนือ จะมีผักอื่นร่วมหม้อด้วย เช่น ผักขี้หูด ผักชีลาว หรือผักจี หรือผ