ผักแว่น
สังคมมนุษย์กับธรรมชาติ มีความผูกพันกัน เป็นความพึ่งพาอาศัย มนุษย์มีทั้งดูแลและทำลายธรรมชาติ ธรรมชาติเอื้อประโยชน์และอาจจะทำร้ายมนุษย์บ้าง ทั้งสองต่างมีความผูกพัน มีสัมพันธภาพที่ดีและร้ายต่อกันเสมอมา สมัยก่อนมีความเชื่อเกี่ยวกับการกินผักจากธรรมชาติเป็นอาหาร เป็นความเชื่อที่มีเหตุมีผล เช่น ห้ามหญิงตั้งครรภ์กินผักแว่น จะทำให้รกพันคอเด็ก ปวดท้องนาน ที่น่าเป็นเหตุเป็นผลที่แท้จริง เพราะผักแว่นเป็นพืชที่ขึ้นตามแอ่งน้ำขัง นาข้าว ถ้านำมากินโดยไม่ทำความสะอาดอย่างดี กินกันเป็นผักสดจะทำให้ท้องเสีย เพราะมีเชื้อโรค พยาธิหรือไข่พยาธิแฝงอยู่ ติดเข้าไปในท้องคนเรา มีโอกาสเจ็บไข้ได้ป่วย ปวดท้อง แม้แต่คนธรรมดาที่ไม่ใช่หญิงตั้งครรภ์ ก็พึงระวัง เอ่ยถึง “ผักแว่น” หลายคนคงรู้จัก เช่นเดียวกับหลายคนที่ไม่รู้จัก ในยุคสมัยนี้ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง ตามท้องไร่ท้องนาที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ ที่ว่าค่อนข้างบริสุทธิ์ เพราะว่าทุกพื้นที่ ทุกหนแห่งเดี๋ยวนี้มักจะมีอันตราย มีสารพิษแอบแฝงเจือปนอยู่ไม่มากก็น้อย น้ำบางแห่งในไร่นา ไม่อยากวักมาล้างหน้าล้างมือเลย สงสารก็แต่ปู ปลาซิว กุ้งฝอย หอยที่อยู่แถวนั้น อยู่กันไม่ได้ แต่ผักพืชน้
เอ่ยถึง “ผักแว่น” หลายคนคงรู้จัก ฤดูฝน ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ตรงกับฤดูทำนา เป็นช่วงที่ผักแว่นมีรสชาติอร่อยมาก ในช่วงที่ต้นข้าวกำลังแตกกอ ผักแว่นจะเจริญงอกงามดี ได้รับความอุดมสมบูรณ์จากธรรมชาติ ผักแว่นกำลังแตกใบ ทอดยอด อวบสวยใส น่ากิน หากผ่านพ้นช่วงนี้ไปผักแว่นจะเริ่มแก่ เหนียว ไม่อร่อยแล้ว คนไทยนิยมกินผักแว่นเป็นผักสด เครื่องเคียงกินกับน้ำพริกปลาร้า น้ำพริกปลาปิ้ง น้ำพริกกะปิ ลาบ ก้อย ยำเตา แจ่วปูนา ยำหน่อไม้ ซุบหน่อไม้ หรือนำมาทำน้ำแกงจืดให้เด็กและคนชรากินได้ “ผักแว่น” พบได้ทั่วทุกภาคของไทย ภาคใต้เรียกว่า “ผักลิ้นปี่” ตามลักษณะใบย่อยรูปลิ่ม คล้ายลิ้นปี่เครื่องเป่าประโคมดนตรีปี่พาทย์นั่นเอง ผักแว่น อยู่ในวงศ์ MARSILEACEAE ชื่อวิทยาศาสตร์ Marsilea crenata Presl. ชื่อสามัญ Water Clover เป็นพืชตระกูลเฟิร์น ขยายพันธุ์ด้วยสปอร์ ชอบขึ้นบริเวณที่ดินชื้นและในน้ำ รากเกาะติดกับพื้นดิน มีไหล และเจริญอยู่ในน้ำได้ ผักแว่น มีลำต้นอ่อนสีเขียว เมื่อต้นแก่มีสีน้ำตาล ลำต้นเลื้อยไปตามพื้นดิน ลำต้นค่อนข้างกลม มีขนสีน้ำตาลอ่อนปกคลุม ใบเป็นใบประกอบ มีใบย่อย 4 ใบ รูปร่างใบย่อยมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมหรือเป็