พันธุ์ข้าวพื้นเมือง
ในประเทศไทย ข้าวเป็นทั้งพืชเศรษฐกิจและส่วนสำคัญของวัฒนธรรมท้องถิ่น ข้าวพื้นเมืองในแต่ละภูมิภาคไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความหลากหลายของพันธุ์ข้าว แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการและศักยภาพในการพัฒนาเป็นสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ข้าวพื้นเมืองกลับยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเท่าที่ควร หลายคนอาจไม่ทราบว่า ข้าวเหล่านี้เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารและมีคุณสมบัติเฉพาะที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมท้องถิ่น ทำให้มีความทนทานต่อสภาพดินและภูมิอากาศที่แตกต่างกันไป ข้าวพื้นเมืองยังสามารถช่วยสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับชุมชนได้อย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งในหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมืองคือ ศูนย์วิจัยข้าว โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ศูนย์วิจัยข้าวได้ทำหน้าที่วิจัยสายพันธุ์ข้าวพื้นเมือง ที่มีความเหมาะสมต่อการปลูกในพื้นที่ที่หลากหลาย รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาข้าวพื้นเมืองให้เป็นที่รู้จักและเป็นสินค้าที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรท้องถิ่น ซึ่งช่วยส่งเสริมความยั่งยืนในภาคการเกษตร นายอวยชัย บุญญานุพงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวปัตตานี ได้กล่าวถึงความนิยมของเกษตรกร
กรมการข้าว รุกพัฒนาชุมชนต้นแบบแหล่งปลูกข้าวคุณภาพ กระตุ้นความแข็งแกร่งให้ชาวนาและชุมชน โชว์ตัวอย่างวิสาหกิจชุมชนออมทรัพย์เกษตรยั่งยืนบ้านศรีเจริญ อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย แหล่งเพาะปลูกข้าวเหนียวแดง เมืองเลยและแหล่งกระจายพันธุ์ข้าวเพื่อใช้สำหรับเพาะปลูกในพื้นที่ต่าง ๆ โดยพันธุ์ข้าวดังกล่าวโดดเด่นอย่างมากในฐานะสินค้า GI และมีความเป็นซูเปอร์ฟู้ดส์สูง คือ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีสารอาหารที่ช่วยลดอัตราการเกิดของโรคมะเร็ง อีกทั้งยังมีน้ำตาลต่ำ ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคเบาหวาน รวมทั้งในปีที่ผ่านมาชุมชนแห่งนี้ยังสามารถจำหน่ายข้าวได้ตันละ 80,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีการต่อยอดข้าวสู่สินค้าเพิ่มมูลค่า โดยอยู่ระหว่างพัฒนานวัตกรรมแปรรูปข้าวเหนียวแดงเป็น โจ๊ก ภายใต้แบรนด์ “ขุนเลย” และสาโทจากข้าวเหนียวแดงเมืองเลย ที่อยู่ระหว่างการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานกรมสรรพสามิตให้เป็นของดีประจำชุมชน นายโอวาท ยิ่งลาภ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว เปิดเผยว่า “ข้าวเหนียวแดง เมืองเลย” เป็นข้าวพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงอีกหนึ่งพันธุ์ของจังหวัดเลย ปลูกได้เฉพาะพื้นที่อำเภอภูหลวงโดย วิสาหกิจชุมชนออมทรัพย์เ
เปิดตัวอย่างการต่อยอดข้าวสังข์หยด-ข้าวเบายอดม่วงบนวิถีสินค้าครีเอเทีฟ “เมคอัพ รีมูฟเวอร์” กาแฟจากข้าว ฯลฯ พลังจากคุณค่าอาหารตีตลาดอาหารสร้างสรรค์ กรุงเทพฯ 23 สิงหาคม 2567 – กรมการข้าว หนุนศักยภาพข้าวไทยด้วยการส่งเสริมพันธุ์ข้าวพื้นเมือง โชว์ตัวอย่างชุมชนที่ประสบความสำเร็จการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ข้าวจาก 5 วิสาหกิจชุมชน ในพื้นที่จังหวัดพัทลุง-ตรัง ที่ใช้การปลูกข้าว GI และข้าวท้องถิ่น ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนชาวนาพัทลุง จังหวัดพัทลุง กับการต่อยอดข้าวสังข์หยดสู่ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย อาทิ Makeup Remover โจ๊กข้าวสังข์หยดและขนมขบเคี้ยวที่ทำจากข้าวสังข์หยด วิสาหกิจชุมชนแม่บ้านนาท่อมร่วมใจ จังหวัดพัทลุง แป้งพิซซ่าจากข้าวสังข์หยด วิสาหกิจชุมชนนาข้าวแปลงใหญ่ ตำบลนาพละ จังหวัดตรัง ข้าวคุณภาพดีแพ็กสุญญากาศ วิสาหกิจลาซานสามัคคีคนทำนาโคกสะบ้า จังหวัดตรัง และวิสาหกิจชุมชนชาวนา ตำบลวังคีรี จังหวัดตรัง ชุมชนผู้พัฒนาและต่อยอดอัตลักษณ์ข้าวเบายอดม่วงสู่เครื่องดื่มกาแฟ พร้อมเผยศักยภาพภาคใต้กับโอกาสในการปลูกข้าวท้องถิ่นที่เป็นข้าวเจ้าถึง 182 สายพันธุ์ และข้าวเหนียว 14 สายพันธุ์ ซึ่งในปัจจุบันมีข้าวที่ได้รับการย
จังหวัดกระบี่มีชายหาดและเกาะแก่งมากมายที่เป็นสถานที่นิยมของนักท่องเที่ยว ทั้งนักท่องเที่ยวบ้านเราเองหรือนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกหรือแม้แต่ชาวจีนโพ้นทะเล แต่ละปีมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาชมความงามของชายฝั่งทะเลอันดามันของจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่กันปีละหลายล้านคน ซึ่งหมายถึงจำนวนเม็ดเงินที่นักท่องเที่ยวนำมาจับจ่ายใช้สอยอีกจำนวนมาก รายได้ส่วนใหญ่ของ 3 จังหวัดนี้ จึงมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก นอกจากความสวยงามของธรรมชาติทางทะเลแล้ว ความเป็นธรรมชาติของเรือกสวนไร่นาของจังหวัดกระบี่ก็ยังมีความเป็นธรรมชาติของท้องถิ่นให้ดูอีกด้วย เรามีโอกาสได้ไปดูความงามตามวิถีความเป็นอยู่จากหน้าเมืองโดยจะต้องข้ามเรือเพราะเป็นเกาะที่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ประมาณ 200 กว่าเมตรเท่านั้น มาย้อนดูวิถีชีวิตแบบชุมชนเก่าของบ้านเกาะกลาง ตำบลคลองประสงค์ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ อยู่ร่วมกันอย่างสันติ ชุมชนบ้านกลางเป็นหมู่บ้านในตำบลคลองประสงค์ที่มีพื้นที่ลุ่มพอที่จะปลูกข้าวนาได้ เดิมก็ได้ปลูกข้าวเพื่อบริโภคภายในชุมชนอยู่แล้ว ด้วยวิถีชีวิตชาวบ้านสมัยก่อนที่ไม่ได้ใช้สารเคมีในการปลูก คุณประวัติ คลองรั้ว ประธานกลุ่มชาวนาตำ
ทุกวันนี้ โรคมะเร็งกำลังเป็นภัยเงียบคุกคามชีวิตผู้คนทั่วโลกอย่างรุนแรง เกือบ 8 ล้านคนต่อปี โดยกลุ่มเสี่ยงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงานและผู้สูงอายุ องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าในอีก 18 ปีข้างหน้า คือในปี 2573 ทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งถึง 17 ล้านคน ถือว่าเป็นปัญหาที่น่าห่วงใยมาก สำหรับประเทศไทย มะเร็งกลายเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของคนไทยติดต่อกันกว่า 10 ปี ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข สำรวจพบคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งถึง 58,076 คนจากสาเหตุใหญ่คือ โรคมะเร็งตับ นอกจากนี้ มีผู้ป่วยโรคมะเร็งรอรับการรักษาในโรงพยาบาลกว่า 2 แสนคน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยอาการมะเร็งลำไส้ใหญ่ ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่าอาหารเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง ทุกคนสามารถหลีกเลี่ยงโรคร้ายนี้ ได้โดยใส่ใจออกกำลังกาย รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม และเลือกรับประทานอาหารที่มาจากพืช ผักและผลไม้ที่มีประโยชน์ ก็จะช่วยให้ร่างกายสามารถต่อต้านโรคมะเร็งได้ ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการรับประทานผักและผลไม้เพิ่ม 2 หน่วยร่วมกับการออกกำลังกายเพิ่มจะสามารถป้องกันมะเร็งได้ร้อยละ 60-70 เนื่องจาก