มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
วช.หนุนทีมวิจัย มธ.พัฒนาภาคการเกษตรไทยอย่างยั่งยืน ด้วยระบบเกษตรอัจฉริยะ DSmart Farming เน้นสร้างการเรียนรู้ให้กับผู้ใช้งาน พร้อมแชร์ฐานข้อมูลองค์ความรู้ให้เกษตรกรเข้าถึงได้ ทีมวิจัยเผยนวัตกรรมนี้ ช่วยลดการใช้น้ำในการปลูกพืชได้กว่า 40% ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีในการประยุกต์ใช้กับภาคการเกษตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้มากขึ้น ที่ผ่านมา วช. ได้มีส่วนในการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ด้านเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm) ซึ่งเป็นการทำการเกษตรรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีที่มีความแม่นยำสูงเข้ามาช่วยในการทำงานทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนาภาคการเกษตรไทยอย่างยั่งยืนนั้น นอกจากจะส่งเสริมให้เกิดการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ แล้ว ยังจำเป็นต้องสร้างการเรียนรู้ให้กับผู้ใช้งานเพื่อให้เกิดการประยุกต์ใช้งานที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่อีกด้วย อย่างเช่น ระบบเกษตรอัจฉริยะเพื่อการเรียนรู้ทุกช่วงวัย และพัฒน
“ ไผ่ ” นับเป็นพืชมหัศจรรย์ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้อย่างมาก เนื่องจาก ไม้ไผ่เป็นพืชพลังงานที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ตอบโจทย์ในเรื่องพลังงานทดแทนได้อย่างดี แค่ปลูกไผ่สัก 5 ล้านไร่ ประเทศไทยจะไม่ขาดแคลนไฟฟ้า แถมยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย รองศาสตราจารย์ ธัญพิสิษฐ์ พวงจิก ประธานชมรมคนรักไผ่ กล่าวว่า ปัจจุบันไผ่หลายสายพันธุ์ ที่มีศักยภาพในด้านพืชพลังงาน โดยใช้ลำไผ่ทำพลังงานชีวมวล เช่น ไผ่ตงลืมแล้ง (ตงอินโด) ไผ่กิมซุ่ง (ไผ่ไต้หวัน หรือไผ่เขียวเขาสมิง) ไผ่แม่ตะวอ ไผ่รวกและไผ่ซางนวล นอกจากนี้ ไผ่ตงลืมแล้ง ไผ่กิมซุ่ง ยังแปรรูปในลักษณะเพียวเร็ต(pellet )ทำถ่านไม้ไผ่ได้ แต่ไผ่ทั้งสองชนิดนี้ควรปลูกในบริเวณที่มีน้ำสมบูรณ์ “ไผ่บงหวานเพชรน้ำผึ้ง” ยังสามารถแปรรูปเป็นถ่านแกลบเรียกว่า ไบโอชาร์ ใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าแล้วยังได้ปุ๋ยอีกด้วย ถ่านไม้ไผ่คุณภาพสูงที่ได้จากการเผาที่อุณหภูมิ 1,000oC ขึ้นไป ด้วยเตาเผาถ่านที่มีประสิทธิภาพ จะมีความสามารถสูงในการดูดซับกลิ่น ความชื้น สารพิษ สารเคมี ช่วยฟอกอากาศ กำจัดแบคทีเรีย ช่วยปลดปล่อยประจุลบ และอินฟราเรดคลื่นยาว ช่วยดูดซับรังสี ทำให้ระบบไหลเวียน